มันหวานญี่ปุ่นต้มน้ำขิง อร่อยดี มีประโยชน์
มันหวานญี่ปุ่น สุดยอดแห่งอาหาร
มันหวานญี่ปุ่นอุดมด้วยโพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยให้ระบบ ประสาทและสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารเบตาแคโรทีนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมีคุณสมบัติช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ผิว ช่วยชะลอริ้วรอย ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงมีน้ำมีนวล
มันหวานญี่ปุ่นมีกากใยอาหารสูงช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายแก้ปัญหาท้องผูก กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันหวานญี่ปุ่นอุดมด้วยสารแคโรทีนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง ลดอัตราการเกิดมะเร็งเต้านม โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด ป้องกันภาวะตับอักเสบ
นอกจากนี้มันหวานญี่ปุ่นยังเป็นแหล่งของน้ำตาลดี ความหวานที่ได้จากมันหวานล้วนมาจากธรรมชาติหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม น้ำตาลเหล่านี้จะเป็นแหล่งพลังงานที่ดีช่วยในการบำรุงสมองและร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น หน้าไม่โทรม ดูเป็นคนมีสุขภาพดี คาร์โบไฮเดรตในมันหวาน สามารถรับประทานแทนข้าวได้ช่วยให้อิ่มท้องได้ยาวนาน ช่วยลดความอยากอาหารจุกจิก เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
ขิงเป็นพืชสมุนไพรที่ประกอบไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมายจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และการเกิดริ้วรอย มีส่วนช่วยในการป้องกัน ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้ในการรักษามะเร็ง
ขิงมีสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของอินซูลินในร่างกาย จึงช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ น้ำมันหอมระเหยในขิงมีสรรพคุณลดอาการจุกเสียด ช่วยขับลมและช่วยป้องกันอาการเมารถได้
ความเผ็ดร้อนของขิงช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ได้ เมื่อรับประทานขิงจะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้อบอุ่นตลอดเวลา ขิงจึงช่วยลดอาการ ไอ จาม ลดน้ำมูก ช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก โลหิตสูบฉีดไหลเวียนได้ดี
(ไม่ควรรับประทานขิงในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้เยื่อบุภายในช่องปากเกิดอาการอักเสบ จนเป็นอาการร้อนในได้)
ส่วนผสม มันหวานญี่ปุ่นต้มน้ำขิง
1. มันหวานญี่ปุ่น 1-2 หัว
2.ขิงแก่ 1 แหง่ง
3. น้ำตาลทราย
4. เกลือ
วิธีทำมันหวานญี่ปุ่นต้มน้ำขิง
1. ล้างมันญี่ปุ่น ปอกเปลือกออก เฉาะเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ แช่ในน้ำผสมเกลือเพื่อป้องกันไม่ให้มันดำ
2. ล้างและปอกขิง หั่นเป็นชิ้นบางๆ แช่ไว้ในน้ำผสมเกลือ
3. ต้มน้ำให้เดือด นำมันญี่ปุ่นและขิงที่เตรียมไว้ล้างน้ำเกลือออก แล้วใส่ลงไปต้ม
4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย ไม่ต้องใส่น้ำตาลมากนักเพราะเนื้อของมันมีความหวานอยู่แล้ว ชิมรสตามชอบ
5. ตักใส่ถ้วยรับประทานตอนร้อนๆ ก็ดี หรือจะแช่เย็นแล้วค่อยรับประทานก็สดชื่นคลายร้อนค่ะ
ไม่มีความเห็น