๑๐๕ แก่อย่างมีคุณค่า..ชราอย่างมีความสุข..


" ก็แค่ไม่ต้องคิดคาดหวัง ว่าจะต้องเป็นต้นแบบให้ใคร ไม่เปรียบเทียบกับอะไรหรือใครทั้งนั้น ตลอดจนไม่ต้องไล่ล่ารางวัลหรือวาดหวังแต่สิ่งตอบแทน ขอแค่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไรไม่ว่างเปล่า ทำประโยชน์ได้ ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนก็พอ"

            บางคนมักจะคิดว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข อันนี้ถือว่าคิดบวกและบวกมากๆด้วย จะถือว่าเป็นการปลอบใจตัวเองก็ใช่ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นเลขสองหลักเกิน ๖๐ ก็ต้องระวังไว้บ้าง

        นอกจากจะหักโหมอะไรต่อมิอะไรมิได้แล้ว ยังต้องตรวจสุขภาพอยู่เสมอ

            อย่าชะล่าใจ หลงใหลในคำเยินยอ ยุคสมัยนี้..คนส่วนใหญ่เข้าใจแล้วว่าต้องอยู่เป็น..พูดเป็น ต้องเอาตัวรอด ไม่มีใครอยากพูดให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจ ยกเว้นจะเป็นคนหลงระเริงในอำนาจบาตรใหญ่

            เพราะคนหลงในอำนาจวาสนา จะพูดจาโดยไม่ฟังใคร และพูดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เรียกว่าพูดไม่เข้าหูคนนั่นเอง..คนแบบนี้จะชอบพูดจาตรงไปตรงมา แต่จะตรงเกิน เช่น เดี๋ยวนี้ทำไมเธอแลดูแก่ไปมากเลย ไปทำอะไรมา...จะทำอะไรหนักหนา แก่แล้วพักบ้าง....ฯลฯ

            ความชรากับข้าราชการ บางครั้งเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึก..ยิ่งแก่แทนที่จะฉายแสงแห่งไฟ ทำกายทำใจให้เป็นธรรมนำส่องชีวิต แต่บางครั้งเรามักจะพบช่องว่าง ที่คนยังไม่แก่ไปให้โอกาสคนแก่ในทางที่ผิด คิดกันแต่ว่า..เขาจะเกษียณแล้ว จะไปเอาอะไรกับเขามากนัก

            จึงทำให้คนที่ใกล้จะแก่ หรือแก่ไม่เต็มที่ ไม่มีโอกาสได้แสดงคุณค่า ให้เป็นที่ประจักษ์ หรือบางครั้งกลายเป็นเข้าทางไปเลย...ไม่ต้องทำอะไรมากมายก็ได้ ขอเงินเดือนมากก็พอ

          โดยส่วนตัว..ผมมองว่ายิ่งใกล้เกษียณ ถ้ายังมีเรี่ยวแรง ต้องหมั่นคิดและสร้างสรรค์การทำงานในชีวิตประจำวัน เพราะมันจะทำให้มีความสุข สนุกแบบที่ไม่ต้องกลัวอัลไซเมอร์

            ก็แค่ไม่ต้องคิดคาดหวัง ว่าจะต้องเป็นต้นแบบให้ใคร ไม่เปรียบเทียบกับอะไรหรือใครทั้งนั้น ตลอดจนไม่ต้องไล่ล่ารางวัลหรือวาดหวังแต่สิ่งตอบแทน ขอแค่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไรไม่ว่างเปล่า ทำประโยชน์ได้ ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนก็พอ

            แต่นั่นหมายความต้องมีสติ..ควบคุมตนเอง มิฉะนั้นจะหลงระเริง ใช้ประสบการณ์ที่มีเพราะอายุเยอะหรือใช้ความแก่ไปข่มเหงคนอื่น โดยถือว่าข้าอาบน้ำร้อนมาก่อน...เข้าใจไหม?

            ภาครัฐเริ่มมองเห็นและให้ความสำคัญผู้สูงวัย ที่กำลังมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ด้วยการจะต่ออายุราชการ สร้างงานให้ทำ...แต่ก็คงทำไม่ได้ทุกคน เพราะแต่ละคนอายุอาจเท่ากัน แต่ความแก่มีไม่เท่ากัน

            ผมอายุย่าง ๕๙ ปี และปีนี้รู้ตัวว่าแก่ลงไปมาก จึงรีบทำตัวให้มีคุณค่า ไขว่คว้าหาความสุขให้มากขึ้น ไม่ทำตัวให้เป็นปัญหาแก่ลูกหลาน เท่านี้ก็พอใจแล้ว

            คุณค่าของผมสร้างได้ ด้วยการไปทำงานทุกวัน แบบที่ไม่หนักจนเกินไป ทำงานได้น้อยลง รู้สึกเลยว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก และก้าวเดินได้ช้า ทุกก้าวย่างต้องระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ..

            เริ่มจะรู้สึกว่าไม่ค่อยจะอะไรกับใคร หมายถึง..อยู่คนเดียวได้ ไม่เพ่งโทษผู้อื่น ฝึกที่จะให้อภัยและเข้าใจคนมากขึ้น อันนี้เป็นความโชคดีที่แก่แล้วคิดได้

            ส่วนความสุขก็หาได้จากดูหนังดูละคร ฟังเพลงและอ่านหนังสือ รู้สึกติดอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ที่ไม่สร้างพิษภัยแก่ผู้สูงวัยอย่างผม

            วันนี้..มีโอกาสได้โอบกอดต้นไม้หน้าบ้าน อายุต้นไม้ ๒๐ ปี ปรากฏว่าโอบไม่รอบ ขนาดต้นไม้ยังเติบโตสูงใหญ่มาได้ขนาดนี้..แล้วคนปลูกจะไม่แก่ได้อย่างไร...คิดดูเถอะ

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๐  เมษายน  ๒๕๖๔


หมายเลขบันทึก: 690173เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2021 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน 2021 22:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท