.
วิธีการดำรงชีวิตให้มีความดีงามก็คือการรักในสันติสุขนั่นเอง ทั้งต่อตัวเราเองและทั้งต่อเพื่อนร่วมโลก เราจึงควรใช้ชีวิตอันสั้นนักนี้ให้เกิดประโยชน์ในทางธรรมให้มากที่สุด หาใช่เอาเวลาอันมีค่ามาเถียงกันว่ากำเนิดโลก/ชีวิต เป็นมาอย่างไร เพราะอาจจะเถียงกันจนตายก็ยังไม่ได้ข้อสรุป แถมยังเสียเวลาการประพฤติธรรม
หรืออาจอุปมาดังอากาศที่เราใช้หายใจเพื่อดำรงชีวิตนั้น เราก็หายใจเข้าออกวันละนับหมื่นครั้งเพื่อดำรงชีวิต ถ้ามัวแต่มาถกเถียงกันว่า ข้าฯจะไม่ยอมหายใจจนกว่าจะรู้แน่ชัดว่าอากาศกำเนิดมาอย่างไร อากาศมีโครงสร้างระดับอะตอม/โมเลกุลอย่างใด หรือมีส่วนผสมของแกสต่างๆในปริมาณเท่าใด..กว่าจะได้คำตอบนี้เราก็คงพากันตายหมดโลกเสียก่อนเป็นแน่
ชีวิตก็เช่นกัน เกิดมาอยู่คู่โลกแล้วฉันใด เราก็ควรใช้ประโยชน์จากโลกให้ดีและมากที่สุด เพื่อนำพาชีวิตของเราให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง และได้รับผลอันวิเศษที่โลกได้มีความพร้อมที่จะเผยให้พวกเราผู้ใฝ่ในธรรมได้รับรู้ ได้รับอานิสงส์จากโลกได้อย่างเต็มที่ตามกำลังศรัทธาแห่งการเดินทาง/การปฏิบัติของเราเอง
ในที่นี้จะยึดมุมของพุทธศาสน์เป็นหลัก คือมุ่งเดินหน้าเพื่อแสวงหาสันติสุขโดยไม่จำเป็นต้องรู้กำเนิดของชีวิต เพราะยิ่งรู้มากก็ยิ่งจะยากนาน เสียเวลาเดินทาง หรืออาจแก่ตายเสียก่อนที่จะได้ลิ้มรสอันประเสิรฐของชีวิต
อันชีวิต คืออะไร ไม่ต้องรู้
มันมีอยู่ ให้เราเห็น เป็นใช้ได้
ควรเร่งหา สิ่งควรรู้ คู่กันไป
คือชีวิต และจิตใจ อยู่ในธรรม
-----คนถางทาง..๑๓ มีค. ๖๓
ไม่มีความเห็น