โลกแห่งจินตนาการ



คนมีจินตนาการตั้งศาสนาขึ้นมานับถือแล้วสมมุติพระเจ้าเป็นสิ่งแท้จริงสูงสุด.ในปรัชญาอินเดียเรียกพระเจ้าว่าพรหมันหรืออันติมสัจ ( Ultimate  truth ) เก็บมุมคิดนี้มาจากคัมภีร์อุปนิษัทเป็นหนึ่งในสามคัมภีร์สำคัญของศาสนาฮินดูคือ คัมภีร์พระเวท  คัมภีร์ภควัทคีตาและคัมภีร์อุปนิษัท.

คำว่าพรหมันมี 2 ความหมายคือ สคุณพรหมัน คือพรหมันขั้นหยาบ  นิรคุณพรหมัน คือพรหมันขั้นละเอียด. พรหมันทั้งสองนี้เหมือนเหรียญคนละด้าน.

พรหมันขั้นหยาบแยกตามลักษณะหน้าที่เรียก ตรีมูรติ  มี 3 ชื่อคือ

1.พระพรหม  หมายถึงพระผู้สร้าง

2.พระวิษณุ  หมายถึงพระผู้รักษา

3.พระศิวะ  หมายถึงพระผู้ทำลาย

ภารกิจของพระเจ้าเหมือนแมงมุมกับใยของมัน. แมงมุมย่อมไม่ติดใยของมัน.แต่มันก็อยู่กับใยนั้นละ.พระเจ้าเป็นผู้ควบคุมสรรพสิ่ง.  ธรรมชาติและสรรพสิ่งล้วนเป็นมายา. (สิ่งหลอกลวง )

คำว่าอาตมัน คือปรมัตถสัจ  ( Ultimate  Reality ) ที่ซ่อนอยู่ในตัวตนมนุษย์. อาตมันนี้อยู่ในทุกหนทุกแห่ง.อาตมันนี้เป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์. มนุษย์ฝึกตนได้สามารถยกตนเท่าระดับพระเจ้าได้.

คำว่า พรหมันและอาตมัน  มองด้านจักรวาลเห็นเป็นพรหมัน.  มองด้านจิตเห็นเป็นอาตมัน.มองด้านนอกตัวเราเห็นเป็นพรหมัน.มองด้านในตัวเราเห็นเป็นอาตมัน.

ด้วยชีวิตมนุษย์นั้นหลายศาสนาสอนว่าสิ่งมีอำนาจเร้นลับกำหนดชีวิตไว้ล่วงหน้าแล้ว.

มองในแง่เจตจำนงเสรีคือจิตอิสระในการตัดสินใจเลือกได้.  เมื่อคนมีจิตอิสระได้ทำให้เขาแตกต่างจากวัตถุ  พืชและสัตว์.  คนมีความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีทางศีลธรรม.  คนเป็นผู้ออกกฎกติกาได้แสดงว่าเขามีอิสระตัดสินใจอะไรถูกอะไรผิด.  ถ้าคนไร้เสรีภาพเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนสิ.

มองในแง่เหตุวิสัยคือทุกสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นไปตามกฎตายตัวและจิตอิสระในคนไม่มี.  ด้วยจิตวิญญาณไม่มีอยู่จริง. กระบวนการทางจิตเป็นผลการเคลื่อนไหวของสสาร.  ดังนั้นชีวิตคือเครื่องจักรกลดีดีนี่เอง.ด้วยเหตุนี้คนจึงไม่มีเสรีภาพในการตัดสินใจเลือก.

มองแง่กรรมว่า  ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎแห่งกรรม.

มองแง่การเกิดใหม่

คนมีการเกิดใหม่ตลอดเวลาจนกว่าจะบรรลุอันติมสัจ. บุญบาปมีอยู่  ถ้ามองบางมุมบุญบาปเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น.สิ่งที่คนเห็นว่าเลวร้ายอาจเป็นความดีงามจากพระเจ้าก็ได้. ในคำสอนศาสนาฮินดูว่า  เมื่อคนตายไปคัมภีร์ฤคเวทว่า  วิญญาณแห่งดวงตาจะล่องลอยไปอยู่กับดวงอาทิตย์

วิญญาณแห่งลมหายใจจะล่องลอยไปอยู่กับสายลม

วิญญาณแห่งวาจาจะล่องลอยไปอยู่กับแสงไฟ

วิญญาณแห่งดวงใจจะล่องลอยไปอยู่กับดวงจันทร์

วิญญาณแห่งหูจะล่องลอยไปอยู่กับแผ่นฟ้า

วิญญาณแห่งร่างกายจะล่องลอยไปอยู่กับแผ่นดิน

วิญญาณแห่งดวงจิตจะล่องลอยไปอยู่กับอวกาศ

วิญญาณแห่งเส้นผมจะล่องลอยไปอยู่กับพืชผักและต้นไม้

วิญญาณแห่งสายเลือดจะล่องลอยไปอยู่กับสายน้ำคงคา

ถือได้ว่าดวงวิญญาณคือเสาหลักแห่งชีวิต.เมื่อร่างกายตายแยกสลายวิญญาณที่ถูกขังในร่างกายก็ถูกปลดปล่อยไปสู่โลกแห่งจินตนาการทันที.

หมายเลขบันทึก: 689219เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2021 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2021 22:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท