ในการทำธุรกิจการค้าต่างๆ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่เพียงใดก็ตาม ต่างจะต้องอาศัยซึ่งคู่ค้า หรือลูกค้าด้วยกันทั้งสิ้นถ้าขาดลูกค้าแล้วธุรกิจก็ไม่สามารถที่จะดำเนินกิจการอยู่ได้ ซึ่งลูกค้าดังที่ได้กล่าวมานั้นก็จะมีหลายประเภท เช่นลูกค้าที่ทำการซื้อขายโดยเงินสด หรือจ่ายทันที และลูกค้าที่มีระยะเวลาในการชำระค่าสินค้าหรือการให้เครดิต ในทางธุรกิจจะคุ้นหูกับคำว่า “ลูกหนี้” เมื่อธุรกิจมีลูกหนี้เกิดขึ้น จะมีการจัดการอย่างไรถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้สินตามกำหนดเวลา ? เป็นคำถามที่ธุรกิจจะต้องเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะให้ “ลูกหนี้” เกิดขึ้น ซึ่งขั้นตอนที่จะทำได้เมื่อเกิดกรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด
ตรวจสอบดูประวัติการชำระหนี้ของลูกหนี้
ถ้าประวัติการชำระหนี้ดีมาโดยตลอด อาจสอบถามถึงสาเหตุที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ทันกำหนดเวลา ลูกหนี้อาจจะมีเหตุจำเป็นซึ่งไม่ได้มีปัญหาทางการชำระหนี้ กล่าวคือยังมีความสามารถในการที่จะชำระหนี้ได้ กรณีนี้ก็สามารถที่จะผ่อนผันเลื่อนระยะเวลาให้กับลูกหนี้ออกไปตามนโยบายของบริษัท และยังสามารถที่จะดำเนินการซื้อขายต่อกันได้อย่างต่อเนื่องได้ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจไม่สูญเสียรายได้ไปรวมทั้งยังรักษาลูกค้าที่ดีไว้ได้
แต่ถ้าประวัติการชำระหนี้ไม่ดี มีการผลัดวันในการชำระมาโดยตลอดไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ตรงกำหนด หรือยังมีหนี้ค้างมาโดยตลอด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทนั้น สิ่งที่ต้องทำตามขั้นตอนดังนี้
o หยุดการให้เครดิตกับลูกค้ารายนั้นๆ ก่อนถ้าจำเป็นต้องมีการซื้อขายจะต้องให้จ่ายเป็นเงินสด เพื่อจำกัดยอดหนี้ที่คงค้างชำระอยู่
o ตรวจสอบยอดเงินที่ค้างชำระว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด แจ้งรายละเอียดในส่วนของหนี้ที่ค้างชำระเพื่อทวงถามหนี้
o กรณีที่ลูกค้าขอผ่อนผันขอเวลาในการหาเงินมาชำระหนี้ถ้าใช้เวลานานเกินไป อาจจะมีการปรับหรือ คิดดอกเบี้ย หรือ บริษัทอาจจะอนุญาตให้ลูกค้าชำระแบบผ่อนเป็นงวดๆ หรืออาจจะมีการลดเงินที่ค้าง หรือลดดอกเบี้ย แล้วแต่กรณี พิจารณาแต่ละรายไป
กรณีที่ยอดค้างชำระเป็นเงินจำนวนมาก และลูกค้าไม่ทำตามข้อตกลงที่ได้ผ่อนผันดังกล่าวข้างต้นนั้น และทวงถามจนถึงที่สุดแล้วก็ไม่เป็นผล บริษัทก็ดำเนินการ ส่งเรื่องฟ้องศาล ได้ตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา ๙ เจาหนี้จะฟองลูกหนี้ใหลมละลายไดก็ตอเมื่อ(๑) ลูกหนี้มีหนี้สินลนพนตัว(๒) ลูกหนี้ซึ่งเปนบุคคลธรรมดาเปนหนี้เจาหนี้ผูเปนโจทกคนเดียวหรือหลายคนเปนจํานวนไมนอยกวาหนึ่งลานบาท หรือลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลเปนหนี้เจาหนี้ผูเปนโจทกคนเดียวหรือหลายคนเปนจํานวนไมนอยกวาสองลานบาท และ(๓) หนี้นั้นอาจกําหนดจํานวนไดโดยแนนอนไมวาหนี้นั้นจะถึงกําหนดชําระโดยพลันหรือในอนาคตก็ตามมาตรา ๑๐๗ ภายใตบังคับมาตรา ๙ เจาหนี้มีประกัน จะฟองลูกหนี้ใหลมละลายไดก็ตอเมื่อ(๑) มิไดเปนผูตองหามมิใหบังคับการชําระหนี้ เอาแกทรัพยสินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพยที่เปนหลักประกัน และ(๒) กลาวในฟองวา ถาลูกหนี้ลมละลายแลว จะยอมสละหลักประกัน เพื่อประโยชนแกเจาหนี้ทั้งหลาย หรือตีราคาหลักประกันมาในฟองซึ่งเมื่อหักกับจํานวนหนี้ของตนแล้วเงินยังขาดอยูสําหรับลูกหนี้ซึ่งเปนบุคคลธรรมดาเปนจํานวนไมนอยกวาหนึ่งลานบาท หรือลูกหนี้ซึ่งเปนนิติบุคคลเปนจํานวนไมนอยกวาสองลานบาท
เมื่อเห็นถึงลำดับขั้นตอนความยุ่งยากในการติดตามทวงหนี้สินแล้ว ทางบริษัทควรจะมีการวางนโยบาย ให้เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด ดังนี้
1. จะต้องมีการพิจารณาในการให้สินเชื่อหรือเครดิตกับลูกค้าอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ อาจจะพิจารณาจาก ระยะเวลาในการซื้อขาย ความสามารถในการชำระหนี้ ประวัติการชำระหนี้ความต่อเนื่องในการดำเนินกิจการ และความมั่นคงของกิจการของลูกค้าด้วย
2. มีการกำหนดวงเงินและจำนวนวันในการให้เครดิตลูกค้าแต่ละรายอย่างเหมาะสม เพื่อจำกัดขีดความสามารถในการจ่ายชำระหนี้สิน
3. เมื่อมีการให้เครดิต เกิดลูกหนี้ขึ้น จะต้องมีการบริหารลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การตรวจสอบบัญชีลูกหนี้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดลูกหนี้เกินกำหนด แต่เมื่อมีการเลยกำหนดชำระให้รีบแจ้ง และทวงถามทันที และตามหนี้สม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเล็กหรือใหญ่หลายๆธุรกิจอาจจะเลิกกิจการไปได้อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ “ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้” ซึ่งเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว แต่เป็นภัยอันน่ากลัว ถ้าบริษัทไม่มีนโยบายการบริหารลูกหนี้ที่ชัดเจน หรือไม่สามารถที่จะทำตามนโยบายที่กำหนดไว้แล้วนั้น ถึงจะมีกฎหมายที่คุ้มครองอยู่แล้ว ถ้าเราไม่รู้จักกฎหมายธุรกิจเลย หรือรู้จักแต่ไม่สามารถที่จะนำกฎหมายเข้ามาช่วยในธุรกิจได้นั้น ก็เปรียบเสมือน “เราเป็นโรค หมอมียารักษาให้ แต่เราไม่กินยาหรือใช้ยาผิดวิธี เราก็อาจจะเสียชีวิตจากโรคนั้นก็ได้”
ไม่มีความเห็น