แรงบันดาลใจมีค่าเป็นทุนเรียนมหาวิทยาลัย : ทุนนักศึกษาร่วมสร้างสรรค์
ในมหาวิทยาลัยยุคใหม่ นักศึกษาสามารถทำตัวเป็นพลังสร้างสรรค์ได้ สามารถเลือกเองได้ ว่าจะเป็นนักศึกษาผู้ผลิต (producer) หรือนักศึกษาผู้บริโภค (consumer) มหาวิทยาลัยมีรูปแบบการจัดการให้แก่นักศึกษาทั้งสองแบบ
แบบหลังก็เหมือนที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน คือนักศึกษาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกฝนยกระดับสมรรถนะของตนเอง ผ่านกระบวนการเรียนการสอนที่นักศึกษาเป็นฝ่ายรับ และจ่ายค่าเล่าเรียน ตามโมเดลนี้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับนักศึกษาคล้ายผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ อาจเรียกว่า consumer model
แบบแรกเรียกว่า producer model นักศึกษาสมัครและได้รับการคัดเลือกเข้ามาเป็นทีมทำงาน เรียนรู้จากการทำงาน ที่เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นแบบการเรียนรู้จำเพาะคน (personalized learning) เพราะนักศึกษาสมัครเข้ามาด้วย “สินทรัพย์” ส่วนตัวคือ ความคลั่งใคล้ใหลหลงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ และได้พิสูจน์ตนว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะร่วมงานสร้างสรรค์ในเรื่องนั้นๆ ได้
เพื่อให้มีคุณสมบัติครบถ้วนต่อการได้รับทุนเล่าเรียนแบบ producer model ผู้เรียนต้องเตรียมตัวล่วงหน้านานมาก อาจจะตลอด ๖ ปีของการเรียนระดับมัธยมศึกษา หรือบางคนอาจเตรียมตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา โดยครูและพ่อแม่ร่วมสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ได้เกิดพัฒนาการตาม Chickering’s Seven Vectors of Identity Development อย่างเข้มข้น จนเด็กมีเป้าหมายชัดเจนแน่วแน่ในชีวิตของตนเอง รวมทั้งต้องสนับสนุนให้เด็กได้เรียนตามแนวการเรียนรู้โดยการสร้างความรู้ (constructivist) ซึ่งจะช่วยบ่มเพาะพลังสร้างสรรค์ จินตนาการ และความอดทนมานะพากเพียร
โรงเรียนที่ศิษย์เก่าได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยใน producer model มาก (ได้รับทุนนักศึกษาร่วมสร้างสรรค์มาก) ย่อมมีชื่อเสียง เป็นพลังหนุนให้โรงรียนแข่งขันกันจัดการเรียนรู้คุณภาพสูงให้แก่ศิษย์
ผมฝันอยากเห็นระบบอุดมศึกษาไทยมี management platform สำหรับพัฒนานักศึกษาใน producer model ใช้เวลาสัก ๑๐ ปีในการพัฒนาโดยทดลองทำจริง มี feedback/learning loop เพื่อการเรียนรู้และปรับตัว และพิสูจน์ว่าเป็นระบบที่คุ้มค่าการลงทุนของประเทศ จากภาษีของประชาชน หลัง ๑๐ ปี เราก็มีระบบนักศึกษาอุดมศึกษาคู่ขนาน นักศึกษาใน producer model น่าจะมีราวๆ ร้อยละ ๑๐ ของทั้งหมด ได้รับทุนการศึกษาหลายแบบ แบบที่เข้ายากที่สุด มีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตด้วย (full scholarship)
แนวคิดนี้มาจากความเชื่อว่า วัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่ระดับสมรรถนะด้านการสร้างสรรค์สูงสุด คนหนุ่มสาวที่มีแรงบันดาลใจสูง มีเป้าหมายในชีวิต มี passion ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นพลังของชาติ ที่สามารถนำมาขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ให้แก่สังคม โดยที่การทำงานสร้างสรรค์นั้นเอง สามารถใช้เป็นกลไกเรียนรู้เพื่อการบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้สู่คุณวุฒิระดับปริญญาได้
จะดำเนินการการเรียนรู้โมเดลนี้ได้ ระบบหลักสูตรและการเรียนการสอนต้องยืดหยุ่นมาก สามารถเปิดโอกาสให้อาจารย์ที่ปรึกษา (mentor – อาจารย์พี่เลี้ยง) ร่วมกับตัวนักศึกษาเอง กำหนดรูปแบบการเรียนรู้เฉพาะบุคคลที่ไม่ตรงตามหลักสูตรแบบตายตัว แต่พิสูจน์ได้ว่า ผลลัพธ์การเรียนรู้เข้าเกณฑ์ที่กำหนด
เรื่องราวของหลักสูตรที่ยืดหยุ่นสุดๆ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว อยู่ในหนังสือ Mountains Beyond Mountains (2003) เป็นสภาพที่นักศึกษาแพทย์สองคนที่เรียนหลักสูตรสองปริญญา (MD PhD) ขอเรียนที่มหาวิทยาลัยเพียง ๖ เดือนต่อปี อีก ๖ เดือนออกไปทำงานป้องกันโรค คนหนึ่งป้องกันและบำบัดโรคเอดส์ในประเทศ เฮติ อีกคนหนึ่งป้องกันและบำบัดโรควัณโรคที่ประเทศเปรู นักศึกษาสองคนนี้ต่อมาคนหนึ่ง (Paul Farmer) เป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อีกคนหนึ่ง (Jim Yong Kim) ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ธนาคารโลกระหว่างปี 2012 – 2019
ข้อพิสูจน์คุณค่าของ producer model ดูจากผลลัพธ์และผลกระทบที่บัณฑิตทำให้แก่สังคม ทั้งตอนเรียนและหลังได้รับปริญญา ผมเชื่อว่า เราจะได้เห็นผู้ประกอบการแนวใหม่ และนักวิชาการชั้นยอด พัฒนาขึ้นจากบัณฑิตตาม producer model นี้
นอกจากทุน (scholarship) สนับสนุนค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของนักศึกษาแล้ว ต้องมีกองทุนที่ยืดหยุ่นสำหรับสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่ในบางกรณีอาจต้องไปใช้ห้องปฏิบัติการต่างประเทศ หรือไปทำงานภาคสนามในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทยหรือประเทศเพื่อนบ้าน เราต้องไม่ลืมว่า ในยุคนี้ การสร้างคนต้องมีมิติของ global skills ด้วย
ผมฝันเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ และมหาเศรษฐีไทย จัดตั้งกองทุนการศึกษาตาม producer model ที่หนุนกิจกรรมการสร้างสรรค์ตามความสนใจจำเพาะของตน สำหรับหนุนให้เกิด ตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ขลังเป็นพิเศษด้านวิชาความรู้และได้รับเงินเพิ่มพิเศษจากกองทุน มีชื่อตำแหน่งตามที่เห็นในต่างประเทศ ในทำนอง “... (ชื่อคนหรือองค์กร) ศาสตราจารย์ยกย่องพิเศษด้าน... (ตามด้วยชื่อและนามสกุลของผู้นั้น)” เช่น “ปตท. ศาสตราจารย์ยกย่องพิเศษด้านพลังงาน สมชาย สมชายกุล” ท่านเหล่านี้นอกจากได้รับเงินเพิ่มรายเดือนแล้ว ยังจะได้รับสิทธิพิเศษจากมหาวิทยาลัยในการเสาะหานักศึกษาที่มีแรงบันดาลใจและความสามารถพิเศษมารับทุนเพื่อเป็นนักศึกษาใน producer model โดยทำงานร่วมกับท่าน โดยที่ทุนจากแหล่งทุนธุรกิจ หรือองค์การการกุศล อาจมอบทุนสนับสนุนนักศึกษาสร้างสรรค์จำนวนหนึ่งแก่ศาสตราจารย์ยกย่องพิเศษของตนโดยตรง
วิจารณ์ พานิช
๑๓ ก.พ. ๖๔
ไม่มีความเห็น