[review] รีวิว the boy in the striped pyjamas (2008) เด็กชายในชุดนอนลายทาง


[review] รีวิว the boy in the striped pyjamas (2008) เด็กชายในชุดนอนลายทาง ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ว่าจะถูกสร้างมาแล้วต่อกี่ครั้ง ไม่ว่าจะถูกข้างผ่านมุมมองใดก็ตาม มันก็ยังสร้างความสะเทือนใจให้กับคนดูอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ทำให้สะเทือนใจมากยิ่งกว่าก็คือ การนำเสนอความเลวร้ายของสงครามผ่านมุมมองของเด็ก ซึ่งเด็กนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าผู้ใหญ่เขาทำอะไรกัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงฆ่ากัน ไม่ว่าสายตาของเด็กนั้นจะบริสุทธิ์มากเพียงใดก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจทำให้บาดแผล ความเจ็บช้ำที่เกิดจากสงครามลบเลือนหายไปได้เลย และเด็กชายในชุดนอนลายทางมันก็ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนอยู่เกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยาย

"ความสุขวัยเด็กวัดได้จากเสียง รอยยิ้มและแววตา ก่อนที่พลังมืดของเหตุผลจะเข้ามาครอบงำ"
John Betjeman

ดูคลิปฉบับเต็มได้ที่นี่

หนังเล่าเรื่องของบรูโน่ เด็กชายที่เกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพนาซี วันหนึ่งบรูโน ได้รับข่าวว่าครอบครัวจะต้องย้ายไปอยู่ในที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อของเขา จะได้รับตำแหน่งที่สูงกว่าที่นั่น เมื่อเดินทางไปถึง เขาไม่รู้เลยว่านั้นคือค่ายกักกันชาวยิวที่พ่อเป็นผู้รับผิดชอบ บรูโน แอบไปเล่นที่ ค่ายแล้วเขาก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งชื่อซามูเอลนั่งอยู่หลังลวดหนาม ทั้งคนกลายเป็นเพื่อนกันและสื่อสารกันโดยมีรั้วลวดหนามกั้นเท่านั้น บรูโน ได้รู้ว่าชาวยิวไม่ได้โหดร้ายทารุณป่าเถื่อนเหมือนดั่งที่เขาได้รับรู้มา แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นจะเป็นไปอย่างสวยงามแต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ทำให้เกิดเรื่องราวบางอย่างที่น่าสะเทือนใจขึ้นมาได้ในตอนท้าย

หนังนำเสนอการมองความโหดร้ายทารุนของนาซีที่กระทำต่อชาวยิวผ่านสายตาของเด็กวัย 12 ขวบ ซึ่งเด็กไม่ได้มีความคิดถึงเชื้อชาติ หรือชาติพันธุ์ที่สูงส่งกว่าอะไรเลย เด็กก็คือเด็ก มีแต่ความบริสุทธิ์ รู้สึกทุกอย่างตรง ๆ มตามที่มองเห็นเท่านั้น

บรูโนไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า ชาติพันธุ์ยิว กับชาติพันธุ์ของชาวเยอรมันต่างกันอย่างไร ไม่รู้ว่าทำไมคนกลุ่มหนึ่งถึงต้องใส่ "ชุดนอนลายทาง" ไม่เข้าใจถึงหน้าที่ของพ่อที่เป็นทหารนาซี ที่พ่อมักพูดกับเขาว่าสิ่งที่พ่อทำอยู่นั้นคือ  "ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น" เขารู้แต่เพียงว่าเขาถูกสั่งไม่ให้คบกับชาวยิว เพนาะพ่อพูดกรอกหูเขาบ่อย ๆ ว่า "พวกนั้นไม่มีความเป็นคนด้วยซ้ำไป" หรือการที่ครูสอนเขาว่า "ยิวคือสิ่งเลวร้าย...ถ้าหากใครสักพบคนยิวที่ดี ก็จะกลายเป็นนักสำรวจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ "

หนังแสดงถึงความสัมพันธ์ถึงบุคคลสองระดับ คือตัวบรูโน่กับซามูเอลเพื่อนชาวยิว คือความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับเด็ก และบรูโน่กับคนรับใช้ชาวยิว คือความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ และเมื่อนำความสัมพันธ์ทั้ง 2 แบบนั้นมาเปรียบเทียบกัน สิ่งที่บรูโน่รับรู้ได้ก็คือ มันก็ไม่มีความแตกต่างกันเลย ประคบทั้ง 2 ระดับก็มีความเป็นมนุษย์ที่ดีเหมือนกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับเด็ก จะแสดงถึงการมองทุกอย่างรอบข้างด้วยความรู้สึกใสซื่อแบบเด็ก ๆ แม้เหตุการณ์จะเลวร้ายหรือโหดร้ายเพียงใด เด็กก็จะมีมุมมองที่มีความสนุกสนานเสมอ

ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่บรูโน่กับคนรับใช้ชาวยิว แม้บรูโนจะเห็นว่าเขามีสีหน้าแววตาแห่งความสิ้นหวัง หวาดกลัว รวมถึงร่างกายที่สั่นเทา เป็นการแสดงถึงความหวาดกลัวที่ชาวยิวมีต่อนาซี แต่บลูโน่กับไม่สามารถรับรู้ความหมายเหล่านั้น ว่ากลัวทำไม ทำไมต้องกลัว

หนังแสดงสัญลักษณ์ไว้มาก เช่นตุ๊กตาจำนวนมากในห้องใต้ดิน การบาดเจ็บขาของบรูโน่จากการตกชิงช้า ชิงช้าของบรูโน่ บรูโน่นั่งคุยกับเด็กชาวยิวโดยมีรั้วลวดหนามกั้น

อย่างไรก็ตาม หนังสามารถเล่าเรื่องออกมาได้อย่างสวยงาม ตามสายตาของเด็กนั่นเอง ตามมโนทัศน์ที่ว่า เด็กคือตัวแทนของความบริสุทธ์ แต่ก็ต้องมาดังเพราะจากการกระทำของผู้ใหญ่

นักแสดงเด็กในเรื่องที่รับบทเป็น บรูโนและซามูเอล ต่างก็เล่นดีทั้งคู่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ของหนังผ่านสีหน้าแววตาและการแสดงได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คนดูสามารถรับรู้ความรู้สึก และความเจ็บปวดของหนัง ได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่เลยทีเดียว

the boy in the striped pyjamas เด็กชายในชุดนอนลายทาง เป็นหนังที่ต้องการแสดงให้เห็นความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เกิดขึ้นกับชาวยิวที่เกิดจากการกระทำของพวกนาซี แม้หนังจะไม่แสดงความโหดร้ายใด ๆ เลยให้เห็นก็ตาม เพราะหนังต้องการจะนำเสนอภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านสายตาของเด็กชายอายุ 12 ขวบ ดังนั้นภาพเหตุการณ์ความเลวร้ายจึงเป็นไปตามสายตาของเด็ก ที่เด็กมันคิดว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าหากใครมีประสบการณ์หรือมีความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในช่วงนี้ ก็จะเข้าใจและรับรู้ถึงความโหดร้ายนั้นได้ไม่ยาก หนังต้องการจะนำเสนอ หรือตั้งคำถามกับพวกเราว่า แท้จริงแล้วความแตกต่างของชาติที่พันธุ์นั้น วัดกันจากจุดใดกันแน่ ถ้าเปรียบความแตกต่างของชาติพันธุ์เป็นเหมือนเสื้อผ้าแล้ว ถ้าเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเราจะแยกความแตกต่างทางชาติพันธ์ออกได้อย่างไร

the boy in the striped pyjamas สำหรับผมแล้ว แม้จะมีความสวยงามทางด้านมิตรภาพต่างชาติพันธุ์ แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ทำร้ายจิตใจคนดูได้มากที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก ยิ่งถ้าคนดูมีพื้นความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วยแล้วจะยิ่งทรมานจิตใจหลายเท่า เป็นหนังที่ใช้สัญลักษณ์ด้านภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ส่งผลทางด้านจิตใจโดยตรง เป็นหนึ่งในหนังที่ผมชอบที่สุด แต่ไม่อยากดูซ้ำเลย มันหดหู่เกินไป

10/10
วาทิน ศานติ์ สันติ

#MovieStation #สถานีหนัง
#หนังสะท้อนประวัติศาสตร์
#TheboyInTheStripedPyjamas
#เด็กชายในชุดนอนลายทาง

หมายเลขบันทึก: 688578เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2021 14:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มกราคม 2021 14:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท