สำหรับกรณีศึกษา 4
Occupational Profile : ผู้รับบริการเพศหญิง อายุ 72 ปีประวัติ เป็นเบาหวาน เดินโดยใช้รถเข็น ยืนแล้วเข็นรถ นั่งอยู่ที่ร้านขายน้ำพริกของญาติตอนกลางวัน
ข้อเสนอแนะสำหรับกรณีศึกษา
1. ประเด็นในเรื่อง การพึ่งพาตนเองในการทำกิจกรรมต่างๆ เเละการดูเเลสุขภาพตนเองขณะที่เป็นโรคเบาหวาน (Self-care / Self-management ) ควรสอบถามเเละประเมินถึงความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง เเละส่งเสริมฟื้นฟูในทักษะที่จำเป็น เเละควรดูเเลให้คำเเนะนำถึงข้อปฏิบัติเเละข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ได้เเก่
- Diet การรับประทานอาหารให้เหมาะสม เเละการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- Exercise การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- Footcare/การดูแลแผล เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะทำให้เเผลหายช้าเเละอาจจะมีอาการชาปลายมือปลายเท้า
- การดูเเลการรับประทานยา ได้เเก่ สามารถทานยาได้ครบ ตรงเวลา สามารถจดจำเวลาในการทานยาได้หรือไม่
- คำนึงถึงอาการเเทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือดเเละโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น
- คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาล ซึ่งจะมีผลต่อในเรื่องของอารมณ์ได้
ดังนั้น การวิเคราะห์ในด้าน Self-management ต้องดูถึงภาวะของโรคเบาหวานที่จะส่งผลกระทบในด้านต่างๆ
2. ประเด็นในเรื่อง การเดินเเละการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้รับบริการ เนื่องจากการที่ผู้รับบริการใช้ wheelchair ในการเข็นเดิน ควรมีการคำนึงถึงวิธีการใช้หรือท่าทางที่ใช้ในการเข็น wheelchair ขณะเดิน สภาพแวดล้อมที่ใช้เข็น wheelchair เช่น ลักษณะของพื้นมีความลื่นหรือขรุขระ ขนาดพื้นที่ที่ใช้ในการเข็น การใช้ไม้เท้า มีการใช้เดินในระยะทางมากน้อยแค่ไหน มีการใช้อย่างไร ควรมีการถามในเรื่องประวัติการล้มเพิ่มเติม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้ไม่กล้าเดินด้วยตนเอง สังเกตการทรงท่า (balance) เเละสังเกตท่าทางในการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น ขณะนั่งขัดสมาธิ ผู้รับบริการสามารถลุกขึ้นยืนได้เองอย่างไร มีความยากลำบากในการลุกขึ้นยืนหรือไม่และการประเมินทางร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่น ช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ เเละกำลังกล้ามเนื้อ เป็นต้น
3. ประเด็นในเรื่อง กิจกรรมยามว่างของผู้รับบริการ(Leisure) ที่เป็นผู้สูงอายุในผู้สูงอายุมักจะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Social activity และ health care maintenance meaning เนื่องจากผู้รับบริการมักไม่มีกิจกรรมทำระหว่างวัน ดังนั้น ควรสอบถามถึงสาเหตุเพิ่มเติมเเละค้นหากิจกรรมที่ผู้รับบริการมีความต้องการหรือสนใจที่จะทำ ยกตัวอย่าง สาเหตุที่ผู้รับบริการเลือกที่จะไม่ทำอะไร อาจมาจากการที่มีความกังวล (Stress) ซึ่งนักกิจกรรมบำบัดจะต้องค้นหาสาเหตุที่มาของความกังวลนั้น โดยการใช้ State examination นอกจากนี้ควรมีการสอบถามและคำนึงถึงบริบทของที่บ้านว่า ผู้รับบริการสามารถทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง ทำอย่างไร ซึ่งการทำกิจกรรมยามว่างในผู้สูงอายุอาจรวมไปถึงการเตรียมดูแลสุขภาพให้นานที่สุดเท่าที่อายุจะยืนได้ เเละการเข้าไปส่วนร่วมในสังคม เช่น พูดคุยกับคนในชุมชน เป็นต้น
4. ประเด็นในเรื่อง การตรวจสอบสิทธิผู้พิการ ควรมีการสอบถามผู้รับบริการเพิ่มเติมว่าได้รับสิทธิ์คนพิการหรือไม่ หรือปัจจุบันได้รับสิทธิอะไรบ้าง เช่น สิทธิผู้สูงอายุ เเละควรเเนะนำประโยชน์สูงสุดให้กับผู้รับบริการ เช่น เเนะนำให้รับบริการที่ รพสต. เเทนที่จะไปโรงพยาบาลใหญ่ที่อยู่ไกลบ้านเเละเดินทางลำบาก เป็นต้น
5. ประเด็นในเรื่อง อาการร้องไห้ที่พบขณะพูดคุยกับผู้บำบัด ควรค้นหาสาเหตุที่ผู้รับบริการร้องไห้ว่าเกิดจากอะไร เช่น อาจเกิดจากผู้รับบริการมีความกังวล , ความตื้นตันที่อสม.ไปเยี่ยมบ้าน, ความคับข้องใจต่างๆ , ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง, ความความกดดัน หรือเป็นความเศร้าที่เกิดจากการเป็นเบาหวาน เรื้อรัง เป็นต้น ควรเตรียมการตั้งคำถามเพื่อไปถามผู้รับบริการ อย่าพึ่งสรุปประเด็น ( jump conclusion) ไปว่าต้องให้ทำกิจกรรมหรือเข้าสังคม
ดังนั้น นักกิจกรรมบำบัด ควรค้นหาความต้องการและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของผู้รับบริการในแต่ละรายบุคคลไป ไม่ควรคิดแทนหรือสรุปโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง (มีข้อมูลไม่เพียงพอ) โดยการสังเกต สัมภาษณ์ หรือประเมินเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สามารถนำไปสู่การบำบัดรักษาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ
สมาชิก
นางสาว นัทธ์สิรีกาญจน์ กลั่นกรอง 6123002
นางสาว อริสรา บินดุส๊ะ 6123013
นาย จักรี เสือกงลาด 6123018
นางสาว ปราญชลี คงศรี 6123025
นางสาว ลลิตา ช่วยทวี 6123033
วิเคราะห์ได้ดีครับ บทบาทนักกิจกรรมบำบัดที่ควรเพิ่มคือ Community Based Rehab & Built Recovery เรื่อง Stress related Sadness & Fall Prevention & Health related Activity Levels Promotion ขอบคุณมากครับ