การเคลื่อนย้ายของบางสิ่ง (แมว)


         

     


การเคลื่อนย้ายของบางสิ่ง (แมว) : ผม-แมวกับการตัดสินใจบางสิ่ง


“ แมว”



       เรื่องสั้น"แมว"เป็นผลงานของนักเขียนรางวัลซีไรต์ วัชระ สัจจะสารสิน จากรวมเรื่องสั้น การเคลื่อนย้ายของบางสิ่ง  ตีพิมพ์ครั้งที่ ๒  เมื่อ กันยายน ๒๕๖๐ สำนักพิมพ์ นาคร เป็นผลงานเรื่องสั้นต่อจากรวมเรื่องสั้น เราหลงลืมอะไรบางอย่าง

          เรื่องแมวเป็นเรื่องราวของ“ ผม” นักศึกษาชายปีหนึ่งผู้ซึ่งอาศัยอยู่หอพัก และมีนิสัยเกลียดชังเเมวยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ทว่าต้องมาประสบพบเจอแมวไปเสียทุกที่ และด้วยความเกลียดทำให้เขามาสนใจอ่านงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องแมว อีกทั้งคาดหวังว่าการเขียนเรื่องแมวอาจจะเป็นบันไดให้เขาไต่เต้าไปสู่การเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ เพียงระยะเวลาเพียงสามเดือนเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแมวได้อย่างละเอียด แต่เขากลับพบว่าแท้จริงเขายังคงเกลียดแมวเเละศึกษาข้อมูลมาเพื่อเขียนเรื่องสั้นเท่านั้น เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะเขียนเรื่องนี้ จนกระทั่งเขาพบแมวท้องแก่เดินป้วนเปี้ยนชั้นที่เขาพัก เขาจึงติดตามเฝ้าดูจนกระทั่งมันออกลูก แต่โชคชะตากลับพรากลูกแมวน้อยอันเป็นที่รักไปถึงสองตัว เหลือเพียงเจ้าสีดำที่ดูจะแข็งเเรงกว่าตัวอื่น  นับวันเจ้าสีดำยิ่งโตขึ้น ความว่องไวเกินตัวกลับทำให้มันโดนเหยียบจาการวิ่งซุกซนหรือจากการนอนบนขั้นบันไดหอพัก  ทั้งสีของมันก็ดูกลมกลืนกับเงาของตึก

            ผมหาป้าย“ระวังแมว” มาติดเตือนสติผู้คนที่เดินขึ้นลงบันได ความโชคร้ายผันมาเยือนเจ้าสีดำ เมื่อมีนักศึกษาต่างชาติรีบวิ่งขึ้นบันไดเหยียบเจ้าสีดำที่นอนอยู่อย่างเต็มแรง เสียงร้องดังลั่น แมวน้อยนอนเเน่นิ่งท่ามกลางกองเลือดเเละลมหายใจอันแผ่วเบา “ผม” รีบมาดูอาการเจ้าสีดำ และเอาร่างเสมือนไร้ชีวิตของเจ้าสีดำไปดูเเลด้วยความหวังแม้หลายคนต่างลงความเห็นว่าไม่รอด ยิ่งไปกว่านั้นมีเหตุการณ์ให้เขาต้องกลับบ้านเกิดเเละทิ้งเจ้าสีดำไว้ที่ห้อง พี่ชายของเขาประสบอุบัติเหตุ นอนห้อง ไอ.ซี.ยู. เขาตัดสินใจบอกหมอให้ถอดเครื่องช่วยหายใจ เพราะรู้ว่าพี่ชายคงไม่รอด แต่เขากลับถูกกระหน่ำด้วยคำพูดที่รุนแรงจากเเม่ ผมกลับมาที่หอพบว่าเจ้าสีดำหายสาบสูญโดยไม่มีใครพบเห็นมัน  ไม่นานความโศกเศร้าก็กระหน่ำอีกครั้งเมื่อพี่ชายของเขาเสียชีวิต เขาจึงคิดทบทวนเอาสองเหตุการณ์ที่คล้ายกันผูกโยงเข้าหากัน ในหัวพรางคิดต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับการเขียนเรื่องเเมว

            การนำเสนอโครงเรื่องแมวจะเน้นความสัมพันธ์ของลำดับเหตุการณ์และพฤติกรรม สภาพความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเป็นสำคัญ ซึ่งเปิดเรื่องด้วยสถานที่และบรรยายให้เห็นฉากหอพักนักศึกษา ใช้ตัวละครหลัก“ผม” เป็นผู้บรรยายลักษณะ สภาพของหอพักที่ค่อนข้างเก่าประกอบกับมีแมวเป็นตัวละครช่วยทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่นักศึกษาชายปีหนึ่ง หรือ “ผม” ได้ย้ายเข้ามาอยู่หอพักวันแรกด้วยความหวาดวิตก ทั้งสภาพหอที่ค่อนข้างเก่าอีกทั้งยังมีสัตว์ที่ไม่ชอบอย่างแมวคอยตามรังควาน จึงนำไปสู่เหตุการณ์ความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวละคร “ผม” ผู้เเต่งผูกปมของเรื่องในช่วงแรกย่อหน้าที่ห้าบรรทัดที่หนึ่ง กล่าวคือ  “ในชีวิตผมไม่เคยโดนมันกัดหรือข่วนแม้เเต่รอยเดียว ผมน่าจะเป็นมิตรมากกว่าเกลียดมัน แต่นั้นแหละ ผมกลับเลือกเกลียดมัน” และ “งานเขียนคือเป้าหมายที่สำคัญกว่า ผมเลยเปลี่ยนความรู้สึกตัวเองใหม่ พยายามกดทับความรู้สึกเก่า ๆ เพื่อลืมมันเสีย หันมาสนใจเเมวมากขึ้น” เป็นประโยคที่ผูกใจ ผู้อ่านรู้เป็นนัยว่า“ผม” เป็นเกลียดชังแมวอย่างยิ่งยวดและไม่สามารถที่จะเลี่ยงเจอแมวได้เเม้จะเกลียดชังแมวเพียงใด ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ เพราะนอกจากจะไม่ชอบแมวแล้ว ผมยังคิดว่าจะใช้เเมวเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงให้เขาเขียนงานสักชิ้นได้จนสำเร็จโดยจะต้องฝืนใจศึกษาเรื่องแมวก็ตาม ระยะเวลาเพียงสามเดือนเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแมวได้อย่างถี่ถ้วน แต่กลับทำให้เขาพบว่าแท้จริงแล้วเขายังคงเกลียดแมวเเละศึกษาข้อมูลมาเพื่อเขียนเรื่องสั้นเท่านั้น เหตุนี้ผมจึงล้มเลิกความคิดที่จะเขียนเรื่องนี้ ในเรื่องดำเนินเรื่องโดยลำดับเหตุการณ์ให้ “ผม” พบแมวตัวดำท้องแก่มาป้วนเปี้ยนบนชั้นที่เขาพัก เขาจึงติดตามเฝ้าดูจนกระทั่งมันออกลูก แต่โชคชะตากลับพรากลูกแมวน้อยอันเป็นที่รักไปถึงสองตัว เหลือเพียงเจ้าสีดำที่ดูจะแข็งเเรงกว่าตัวอื่น นับวันเจ้าสีดำยิ่งโตขึ้น ความว่องไวเกินตัวกลับทำให้มันโดนเหยียบจาการวิ่งซุกซนหรือจากการนอนบนขั้นบันไดหอพัก ทั้งสีของมันก็ดูกลมกลืนกับเงาของตึก ผมจึงหาป้าย“ระวังแมว”มาติดเตือนสติผู้คนที่เดินขึ้นลงบันได นับว่าเป็นจุดวิกฤตของเรื่องคือความโชคร้ายผันมาเยือนเจ้าสีดำ เมื่อมีนักศึกษาต่างชาติรีบวิ่งขึ้นบันไดเหยียบเจ้าสีดำที่นอนอยู่อย่างเต็มแรง เสียงร้องดังลั่น แมวน้อยนอนเเน่นิ่งท่ามกลางกองเลือดเเละลมหายใจอันแผ่วเบา “ผม” รีบมาดูอาการเจ้าสีดำ และเอาร่างเสมือนไร้ชีวิตของเจ้าสีดำไปดูเเลด้วยความหวัง แม้หลายคนต่างลงความเห็นว่าไม่รอด

       ผู้เขียนให้ตัวละคร“ผม” เจอปัญหาเริ่มทวีคูณเรื่อย ๆ จากการตกลงกันไม่ได้ระหว่างซูโบ๊ะเพื่อนร่วมห้องชาวมุสลิม ว่าด้วยการนำเจ้าสีดำมารักษาในห้องพัก “ผม”อ้างเหตุผลเกี่ยวกับพระนบีว่า “แมวเปอร์เซียนอนหลับอยู่บนพรม แทนที่ท่านจะไล่แมวออกไป กลับตัดพรมออกไม่ให้รบกวนแมว แล้วซูโบ๊ะเป็นใครหรือ” จากข้อความจะเห็นว่าผมต้องการอธิบายว่าชาวมุสลิมจะต้องรักแมวรักสัตว์ แต่ทว่าการกระทำของซูโบ๊ะนั้นย้อนแย้งกับคำสอนของชาวมุสลิม เพราะเขาเกลียดแมวอย่างมาก  จึงเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ขึ้น คือ ผมเเละซูโบ๊ะลงไม้ลงมือชกต่อยกัน เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ จนรุ่งเช้าผมรีบไปดูเจ้าสีดำหวังจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างที่หวังเจ้าสีดำหายใจโรยรินอยู่เช่นเดิม จุดมืดบอดของชีวิตเมื่อ“ผม”ได้รับโน้ตจากทางบ้านให้รีบกลับไปเยี่ยมพี่ชายประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัส ทว่าไปถึงพี่ชายเขาได้เเต่นอนเเน่นิ่ง และเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นกลับมาเป็นปกติ ผมจึงเสนอให้หมอถอดสายออกซิเจนออก แต่นั่นเหมือนความเลวร้ายเข้ากระหน่ำเขาอย่างหนัก “ไอ้เลว! พี่มึงนะไม่ใช่หมาแมวที่ไหน” นับเป็นข้อขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ กล่าวคือ“ผม”เเละ “เเม่” นั่นเป็นจุดสำคัญของเรื่องอีกจุดหนึ่งที่จะทำให้เห็นความขัดแย้งของโครงเรื่องทำให้ผู้อ่านเข้าใจชัดเจนขึ้นและจะเห็นได้ว่า“ผม”ไม่สามารถหาทางออกได้ทั้งสองเหตุการณ์ทั้งเจ้าสีดำเเละพี่ชายของเขานับว่าเป็นจุดสุดยอดของเรื่องที่ความขัดเเย้งได้ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เชื่อมโยงเหตุการณ์ระหว่างเจ้าสีดำเเละพี่ชายที่ใกล้จะตายซึ่งไม่มีสิ่งใดบ่งบอกให้เห็นว่าทั้งสองจะรอด สำหรับการคลี่คลายปมจะเห็นได้ในตอนท้ายด้วยการให้“ผม”เห็นถึงสัจธรรมที่โลกได้หยิบยื่นความยุติธรรมให้เเก่คนเเละสัตว์นั่นคือความตาย จากข้อความตอนหนึ่งที่กล่าวว่า “เจ้าสีดำได้หายไปไม่รู้ว่าใครเอาไปทิ้ง” เวลาล่วงผ่านไปเพียงคืนเดียว จนทางบ้านโทรมาแจ้งว่าพี่ชายเสีย มันทำให้เห็นว่า“ความตายที่ผมประสบในช่วงใกล้ ๆ กัน ทั้งพี่ชายเเละเเมวทำให้เขาเกิดคำถามมากมายเอาความตาย ความเจ็บปวดของคนและสัตว์มาผูกโยงเข้าหากัน เเละเขาคิดว่ามันคงไม่ต่างกันมากนัก “เพราะเหลือเพียงลมหายใจแผ่วผิวเท่า ๆ กัน” เรื่องราวดำเนินมาจนปิดเรื่อง วัชระ สัจจะสารสิน ปิดเรื่องแบบทิ้งปมปัญหาให้ผู้อ่านขบคิดว่า จากเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันแต่ทำไมผมถึงเลือตัดสินใจต่างกัน และเเท้จริงเเล้วเจ้าสีดำหายไปไหนอยู่หรือตาย ทำไมผมถึงต้องสินใจอะไรบางอย่าง พรางคิดในหัวเกี่ยวกับการเขียนเรื่องเเมว จะเห็นได้ว่าการจบเรื่องโดยที่ผู้เขียนไม่ได้สรุปหรือบอกกล่าวโดยตรง ทว่าผู้อ่านจะต้องคิดเองตามทัศนะของแต่ละบุคคล มีการใช้คำพูดเน้นเสียงหนัก คือ “บอกตัวเองถึงต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง!” ที่ทำให้ผู้อ่านเกิดคำถามชวนขบคิดติดตามในตอนจบเรื่อง
       ตัวละครเอกของเรื่องที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่องและเป็นตัวละครที่มีข้อขัดแย้งคือ“ผม” จัดเป็นตัวละครประเภทหลายลักษณะเพราะมีลักษณะนิสัยเสมือนคนจริงๆ เป็นไปตามธรรมชาติตัวละครจะมีอารมณ์ความรู้สึกหลากหลายตามสภาพแวดล้อมและสมจริงเช่น “ผมเกลียดแมวอย่างยิ่งยวด ยิ่งมาเจอสภาพแบบนี้เข้า จิตใจดึงดันที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้เสียให้ได้” หรือ “วันต่อมาที่บ้านแจ้งว่า พี่ชายเสียแล้ว ผมถึงกลับปล่อยโฮลั่น ปานจะขาดใจ”จะเห็นได้ว่าเป็นตัวละครที่มีชีวิตจิตใจเหมือนคนทั่วไปเพราะมีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์และสภาพแวดล้อม การนำเสนอตัวละคร ผู้เขียนนำเสนอตัวละครโดยสรรพนามบุรุษที่ ๑ใช้สอดแทรกอยู่ในการเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยให้ผู้อ่านรู้จักตัวละครผ่านทางพฤติกรรมที่แสดงออก การกระทำ หรือความคิดภายในจิตใจของ“ผม” ซึ่งผู้เขียนสร้างตัวละครแบบตัวกลม มีลักษณะนิสัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันทั้งที่เป็นส่วนดีและส่วนบกพร่อง ซึ่งมีลักษณะนิสัยซับซ้อน เป็นลักษณะธรรมชาติของมนุษย์โดยทั่วไป ซึ่งจะคล้ายกับชีวิตจริง ตัวละครมีบุคลิกไม่คงที่ คือ มีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพไปตามเหตุการณ์ บทบาทของตัวละครเอกในเรื่องแมวมีตัวละคร  “ผม” เป็นตัวละครเอกของเรื่อง และเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีบทบาทสำคัญขณะดำเนินเรื่อง เป็นตัวละครที่เกิดความขัดแย้งภายในจิตใจ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เรื่องมีการเปลียนแปลงเกิดขึ้น

        ตัวละครเเมวหรือเจ้าสีดำเป็นตัวละครที่สำคัญตัวหนึ่ง เนื่องจากจะให้ได้ว่าเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการนำเสนอถึงเจ้าสีดำตั้งแต่อยู่ในท้อง จวบจนความน่ารักวิ่งเล่นซุกซนเเละตายไป ซึ่งมีบทบาทต่อตัวละคร “ผม” เป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการตายของเจ้าสีดำได้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์การตายของพี่ชาย“ผม”เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลาใกล้เคียงกัน..อีกทั้งอาการยังประจวบเหมาะคือได้รับบาดเจ็บในส่วนของหัวเช่นเดียวกัน เสมือนรักษาร่างที่ไร้ชีวิตเพื่อรอความตายเพียงเท่านั้น ฉะนั้นผู้เขียนได้สร้างตัวละครแมวมาเพื่อให้ผู้อ่านได้คิดเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญตามสถานที่หรือเหตุการณ์ที่ผู้เขียนได้กำหนดไว้   จากเรื่องแมวจะมีตัวละครที่ช่วยในการดำเนินเรื่องให้มีความสนุกเเละสมจริง ได้แก่ แม่แมว แม่ พี่ชาย นักศึกษาอินเดีย แม่แมว ซูโบ๊ะ หากขาดตัวละครใดตัวละครหนึ่งอาจทำให้เนื้อเรื่องไม่สมจริง ไม่น่าติดตามหรือขาดรสชาติไป

        ในเรื่องแมวไม่มีบทสนทนาแต่ผู้เขียนยังคงให้เห็นพฤติกรรมตัวละครมากกว่าคำพูดจึงไม่ค่อยมีบทสนทนาในเรื่อง ผู้เขียนมักจะมุ่งเน้นให้เห็นถึงความคิด ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร โดยเน้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครหลักอย่างชัดเจน เช่น ในช่วงแรกที่เล่าถึงการสอบถามแต่ไม่เชิงเป็นบทสนทนาที่ชัดเจนเพราะจากเรื่องผู้เขียนไม่ได้ระบุไว้เป็นคำพูดแต่เป็นการเล่าผ่านความรู้สึกของตัวละครอีกทอดหนึ่ง คือ “ผมเคยสอบถามเจ้าหน้าที่หอถึงจำนวนซึ่งมากมายขนาดนั้น ได้คำตอบเพียงคร่าวๆ ว่า ส่วนใหญ่เป็นแมวจรจัด” หรือ “ ไม่มีอำนาจใดเกิดขึ้นกับผม ถึงกล้าคิดคัดค้านความเห็นของคนอื่น ผมบอกไปว่าพี่ไม่มีทางรอด จะไม่มีปาฏิหาริย์ใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น ปล่อยไปรังแต่ทรมานพี่เปล่า ๆ ผมเสนอให้หมอถอดสายออกซิเจน ทุกคนเงียบ เว้นแต่แม่ซึ่งแผดเสียงด่าผมลั่น“ไอ้เลว! พี่มึงนะไม่ใช่หมาแมวที่ไหน” และ “ขณะผมกลับ ความโศกเศร้าเริ่มเบาบาง เเต่ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกลับเข้ามาแทนที่ ” ทำให้เห็นว่าจากข้อความจะเน้นความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ของตัวละครอย่างชัดเจน อีกทั้งเเสดงให้เห็นกลวิธีการแต่ง ความสามารถของผู้เขียนในการเขียนเรื่องสั้นโดยไม่ใช้บทสนทนา

           วัชระ สัจจะสารสิน บรรยายภาพของสถานที่ต่าง ๆ อย่างละเอียดทั้งสภาพเเละลักษณะที่ตั้งดังที่เปิดเรื่องด้วยฉากหอพักในต้นเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับสถานที่นั้น ๆ อย่างละเอียดชัดเจน มีการใช้คำบอกให้ผู้อ่านทราบสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ของเรื่องไว้อย่างชัดเจน    ฉากในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นเน้นฉากอยู่ที่หอพักนักศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงความเก่าของตึกโบราณสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เนื้อเรื่องส่วนมากเป็นเรื่องราวของ “ผม” ซึ่งเป็นนักศึกษาดังนั้นจะเห็นได้ว่า ฉากส่วนใหญ่จะอยู่ที่หอพักนี้  แม้ในบางครั้งฉากบางฉากสะท้อนให้เห็นถึงน่ารักซุกซนหรือความโศกเศร้าของเจ้าสีดำ ผู้เขียนยังคงฉากหอพักนักศึกษาเป็นสำคัญ แม้กระทั่งตอนจบผู้เขียนก็ยังใช้ฉากในหอพัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นฉากที่ผู้เขียน บรรยายให้ผู้อ่านเห็นฉากได้ชัดเจน และเป็นฉากสำคัญที่จะทำให้ผู้อ่านอยากเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ผู้เขียนบรรยายภาพของสถานที่ต่าง ๆ อย่างละเอียด ทำให้ผู้อ่านเกิดมโนภาพเห็นสถานที่นั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน

       จากฉากข้างต้นที่กล่าวมานั้น เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่“ผม”มากที่สุด เพราะนักศึกษา จึงเห็นฉากที่จำทำให้เรื่องได้ดำเนินไปได้อย่างน่าติดตามเเละสมจริง  อีกฉากที่สำคัญในเรื่องคือ ฉากผมไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมพี่ชายที่เกิดอุบัติเหตุ ห้องไอ.ซี.ยู จะเห็นได้ว่าในเรื่องนั้น ผู้อ่านไม่ได้บรรยายไว้ละเอียดนักเพียงเเต่ต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเป็นฉากที่โรงพยาบาล หากเเต่บรรยายอาการสาหัสของพี่ชายประกอบฉากโรงพยาบาลไว้อย่างน่าสนใจ

          หาจจะกล่าวถึงบรรยากาศทำให้ผู้อ่านนั้นได้รับรู้ว่าเป็นที่น่าเศร้า คือบรรยากาศขณะที่ผมไปเยี่ยมพี่ชาย แม้จะดูเป็นไปได้ยากที่จะรอด แต่ยังเต็มไปด้วยความหวัง แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนต้องการสื่ออารมณ์โศกเศร้าเเต่ยังคงหวัง   อีกทั้งบรรยากาศในเรื่องในตอนที่เจ้าสีดำถูกเหยียบ เเสดงให้เห็นบรรยากาศที่เศร้าสลดใจนัก เป็นบรรยากาศที่ผู้เขียนได้ บรรยายบรรยากาศในตอนนั้นว่า “นักศึกษาอินเดียนั่งกอดเข่านิ่ง สายตาจับจ้องเจ้าสีดำ ปากพร่ำบ่นว่าเสียใจ ๆ นัยน์ตาของเขาเศร้าหม่นคล้ายวิงอนขอโทษ เจ้าสีดำนอนแน่นิ่งอยู่บนขั้นบันได หัวบี้แบนไม่ถึงกับเละ ตาถลนออกมาเล็กน้อย เสือดสาดออกทางจมูกเลอะพื้น มันคงตายเเล้ว” ผู้เขียนบรรยายปลุกระดมให้ผู้อ่านเหมือนเข้าไปอยู่ในเรื่อง โดยทำให้ผู้อ่านได้เห็นภาพเเละอารมณ์โศกเศร้าตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ ในขณะเดียวกันผู้แต่งก็พยายามสร้างบรรยากาศดูมีความสงบแต่มีความเงียบเหงา จะเป็นบรรยากาศในห้องของผมในตอนท้าย “ผม” พยายามทำใจให้สงบนิ่ง อยู่กับตัวเองทบทวนปะติดปะต่อเหตุการณ์ตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่หอพัก จวบจนเปลวไฟสุดท้ายมอดลงในงานศพพี่ชาย จะเห็นได้ว่าเมื่อมีฉากเกี่ยวกับเนื้อหาก็ต้องมีบรรยากาศเพื่อสร้างสถานการณ์ให้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากฉากที่ทางบ้านโทรมาแจ้งข่าวเรื่องพี่ชาย คือได้รับเรื่องที่สะเทือนใจก็คือสูญเสียพี่ชายไป ผมถึงกับปล่อยโฮลั่นปานจะขาดใจ หรือสถานการณ์อยู่ช่วยงานศพ ทุกคนเศร้า ซึ่งเวลาเท่านั้นจะเป็นม่านหมอกห่มคลุมความเศร้าให้เลือนจางและสถานการณ์ที่กลับมาหอพักผมขลุกอยู่ในห้อง ใจไม่นิ่งพลุกพล่านไร้ระเบียน คลื่นสมองตีรวนจนหัวแทบระเบิด ซึ่งเป็นฉากและบรรยากาศที่ “ ผม”ให้ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของตัวละครอย่างยากที่จะบรรยาย

            ในส่วนแก่นเรื่องถูกนำเสนอโดยผ่านทรรศนะของผู้เล่าเรื่อง ผู้เขียนให้ตัวละครเป็นผู้เล่าเรื่องโดยผู้อ่านจะสังเกตได้ จากการการเล่าโดยสรรพนามบุรุษที่ ๑ “ผม” เป็นงานที่สื่อสะท้อนเรื่องราวอันแตกต่างหลากหลายของผู้คนในสังคม เมื่อมนุษย์และสัตว์โลกหนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด เป็นสัจธรรมของสัตว์โลก ซึ่งผู้เขียนได้สอดแทรกไว้อย่างน่าสนใจในท้ายเรื่อง ให้เห็นถึงห้วงภาวะของคนและสัตว์ก่อนตาย ทว่ามนุษย์มีความคิด สติปัญญา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหนือกว่าสัตว์ เเต่ท้ายที่สุดภาวะก่อนจะตายก็เหลือเพียงลมหายใจอันแผ่วเบาเท่ากัน ความเท่าเทียมกันของคนและสัตว์นั้นคือความตายดังที่โลกได้หยิบยื่นเเก่คนเเละสัตว์ ซึ่งเป็นความจริงไม่อาจถกเถียงได้   เรื่องเเมวเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำให้บรรลุและสะท้อนเรื่องสัจธรรมเหล่านั้นเอาไว้ การทำความเข้าใจกับงานวรรณกรรมชิ้นหนึ่ง ไม่ต่างกับความเข้าใจโลกและชีวิตไปด้วย แยกจากกันไม่ขาด

         วัชระ สัจจะสารสิน ใช้กลวิธีการเสนอเรื่องผ่านตัวละครสำคัญเป็นผู้เล่า สังเกตจากการใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ ให้เป็นผู้คลี่คลายขยายเรื่องให้ ผู้อ่านได้รับรู้ในมุมมองที่ผู้เขียนกำหนดให้ผู้เล่าเรื่องเหตุการณ์ โดยที่ผู้เล่าเรื่องมีบทบาทและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง ผู้เล่าเรื่องแทนตัวเองด้ยการใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ คือ “ ผม” เป็นตัวละครเอกของเรื่อง ทำหน้าที่เล่าเหตุการณ์ที่ได้ประสบให้ผู้อ่านได้ทราบ  ผู้เขียนตั้งชื่อเรื่อง“ แมว ” ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนกับเนื้อเรื่อง ทำให้ผู้อ่านอยากที่จะรู้เนื้อหาภายในเรื่องและติดตามอ่าน เป็นการตั้งชื่อเรื่องโดยตั้งตามลักษณะตัวละครสำคัญของเรื่องที่ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างน่าติดตาม สะท้อนปัญหาความขัดเเย้งในจิตใจตัวละคร อีกทั้งแฝงข้อคิดที่เป็นประโยชน์ได้อย่างแนบเนียน ในส่วนการสร้างความขัดแย้ง ในเรื่องแมวผู้เขียนใช้กลวิธีการสร้างความขัดแย้งที่เป็นปัญหาสำคัญของเรื่องกล่าวคือตัวละครต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในตัวละครเอง ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในจิตใจของตัวละคร แล้วมีผลทำให้ตัวละครเกิดความทุกข์ โดยการสร้างตัวละครที่มีลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิดและการกระทำ สำหรับแนวคิดจะนำเสนอผ่านทรรศนะของผู้เล่าเรื่อง ผู้เขียนให้ตัวละครเป็นผู้เล่าเรื่องโดยผู้อ่านจะสังเกตได้ จากการการเล่าโดยสรรพนามบุรุษที่ ๑ “ผม”          

            เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของเรื่องราวทั้งหมดทุกองค์ประกอบจะเห็นได้ว่าทุกองค์ประกอบมีความสอดคล้องกันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โครงเรื่อง แก่นเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา และฉากบรรยากาศ ผู้เขียน ได้บรรจงวางให้องค์ประกอบสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืน ไม่สามารถขาดส่วนใดไปได้ ทั้งในเรื่องของการใช้ภาษา สำนวน และยังทำให้ผู้อ่านได้เกิดจินตนาการได้อย่างชัดเจน เหมือนกับผู้อ่านเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง ในส่วนของการบรรยายก็สามารถทำให้ผู้อ่านคล้อยตามเรื่องราวและตัวละครได้ชัดเจน ทั้งยังให้ผู้อ่านได้เข้าใจได้ง่าย จึงกล่าวได้ว่าเรื่องแมวเป็นเรื่องราวที่เข้าถึงผู้อ่านได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้อ่านได้คล้อยตาม สนุกและ เข้าใจความรู้สึกตัวละครได้อย่างชัดเจน

    หมายเลขบันทึก: 688072เขียนเมื่อ 3 มกราคม 2021 23:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2021 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (0)

    ไม่มีความเห็น

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท