เรื่องเล่า...จากชีวิตจริง


?หลายต่อหลายครั้ง ที่ผมได้อยู่ใกล้ชิด รับใช้และปรนนิบัติท่านนั้น ท่านมักจะเมตตาต่อตัวผมเสมอ มีหลายต่อหลายเรื่องราวครับ ที่ท่านเมตตาเล่าให้ฟัง แม้กระทั่งวันนี้วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ก่อนที่จะถึงวันเจริญอายุวัฒนมงคล 79 ปีของท่านในวันที่ 25 ธันวาคม ที่วัดธรรมบูชาแห่งนี้

?วินาทีแรกที่ผมเข้ามากราบท่าน ท่านได้บอกข่าวการมรณภาพของเจ้าประคุณ #สมเด็จพระญาณวชิโรดม(#พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)ให้ผมทราบ (ผมคิดในใจครับว่า... ตัวท่านเองนั้น ก็คงรู้สึกเศร้าใจต่อการจากไปของสมเด็จฯท่าน... อยู่ไม่น้อย)

?ตัวท่านเองยังปรารภให้ผมฟังอีกว่า... “ปีใหม่ปีนี้ ท่านมีงานพระราชพิธีซ้อนกันตรงกัน ในวันและเวลาเดียวกันถึง 2 งาน ซึ่งเป็นงานสำคัญทั้งคู่ แต่ท่านก็พิจารณาแล้วครับ....ท่านเลือกที่จะไปร่วมงาน “#พิธีฉลองอายุวัฒนมงคล ครบรอบ 101 ปี ของสมเด็จพระญาณวชิโรดม(พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564 ที่ #วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ โดย #กองศาสนพิธี #กรมศาสนา #กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้มีฏีกานิมนต์ท่าน เพื่อร่วมเจริญพระพุทธมนต์ ในพิธีเจริญอายุวัฒนมงคล 101 ปี ของสมเด็จฯท่าน”

?ท่านปรารภเสร็จท่านก็นิ่งสงบอยู่สักครู่... เสมือนว่าตัวท่านได้ถวายความอาลัยต่อการจากไปขององค์สมเด็จฯท่าน

?ผมรับใช้ปรนนิบัติท่านอยู่เป็นเวลานานพอสมควร และท่านก็มีเมตตาพูดคุยกับผมอยู่ 2 – 3 เรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ... #สถานการณ์ที่ภาคใต้ของเรากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ นั่นคือ...ภาวะฝนตกหนักและน้ำท่วมหนักในหลาย ๆ พื้นที่

?ท่านบอกว่า...ภาวะน้ำท่วมทางใต้นี้..มันเป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว!! แม้กระทั่ง อ.#หัวไทร จ.#นครศรีธรรมราช ที่ท่านเคยใช้ชีวิตในวัยเยาว์กับครอบครัวของท่าน

?ท่านบอกว่า “คนสมัยก่อนเขารู้ว่า.. น้ำมันจะท่วมเวลาไหน? ช่วงใดของปี? ชาวบ้านต่างก็รู้และเตรียมตัวรับสภาวะ #น้ำท่วมซ้ำซาก แบบนี้กันมาตลอด มีการเตรียมตัวทุกอย่าง ท่านยกตัวอย่างให้ฟัง เช่น การเตรียมฝืนไว้หุงข้าว การนวดข้าวตำข้าวเก็บไว้ เป็นต้น

?เมื่อมาถึงตรงนี้... ท่านนิ่งไปสักครู่ (เหมือนว่าท่าน..กำลังประติดประต่อเรื่องราวในวัยเด็กของท่าน...เล่าให้ผมฟัง) สมัยก่อน ชาวบ้านไม่เคยคิดร้องขอความช่วยเหลือเหมือนกับผู้คนยุคนี้สมัยนี้ คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของท่านใช้ชีวิตกันอย่างนี้มานานแล้ว นั่นคือ “#การช่วยเหลือตัวเอง” ทำอย่างไรให้ครอบครัวของตัวเองอยู่รอดปลอดภัย มีกินมีใช้ตามอัตภาพที่ตัวเองพึงมี (เหมือนกับท่านกำลังจะบอกว่า...คนสมัยก่อนต่างกับคนสมัยนี้มาก..โดยเฉพาะเรื่องของ ”#ความอดทน” ที่เขาต้องสู้ต้องทนด้วยลำแข้งของตัวเองมากกว่าคนรุ่นนี้.. สมัยนี้ ที่อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องขอความช่วยเหลือกันแล้ว)

?สมัยที่ท่านเป็นเด็ก... มันไม่สบายเหมือนเด็กๆ รุ่นนี้สมัยนี้เลยนะครับ ท่านเมตตาเล่าให้ผมฟังว่า...วัยเด็กของท่านนั้น กว่าจะไปโรงเรียนสักทีหนึ่ง ไม่มีพ่อแม่คอยแต่งตัวให้ ไม่มีใครคอยป้อนข้าว คอยไปรับไปส่ง ดูแลเป็นอย่างดีหรอก ตัวท่านเองต้องดูแลตัวของตัวเองทุกอย่าง และมิหนำซ้ำทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน จะต้องนำข้าวห่อ ไปให้พ่อที่ออกไปทำนาแต่เช้ามืด (ระยะทางจากบ้านไปนา และระยะทางจากบ้านไปโรงเรียน มันก็อยู่ไกลกันมาก ไม่ใช่แค่ 100 เมตร 200 เมตร แต่ห่างไกลเป็นกิโล ๆ เลยทีเดียว) ท่านจะต้องนำข้าวห่อไปส่งให้พ่อที่ออกไปทำนาตั้งแต่เช้าก่อนและเดินย้อนกลับมาบ้านเพื่อเดินไปโรงเรียนที่อยู่ไกลจากบ้านออกไปอีก ชีวิตช่วงวัยเรียนของท่านเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด...มันไม่สบาย..หากจะเปรียบกับสมัยนี้แล้วคงประมาณฟ้ากับเหว ก็ไม่ปาน (มันทำให้ผมคิดต่ออีกว่า....#ทำไมความลำบากมันถึงสร้างคนได้นักต่อนักแล้ว...)

?ผมมีเวลาอยู่กับท่านนานพอที่ท่านจะเมตตาเล่าเรื่องราว.. บางช่วงบางตอนในชีวิตวัยเด็กของท่าน ให้ผมฟัง (ตามความประสงค์ของท่านจนจบ...)

?ท่านบอกว่า... ไอ้เรื่องการเตรียมและเก็บข้าวไว้กินในยามลำบากของครอบครัวคนหัวไทรนั้น มันทำกับมือแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น.. การเก็บข้าวในนา ก็จะเก็บกันทีละรวง... ทีละรวง (ท่านเล่าเพราะท่านทำมันกับมือ) สมัยนั้นเก็บข้าวกันทีละรวงด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า “#แกละเก็บข้าว” เก็บได้พอกำก็มัดกันทีหนึ่ง ทำอย่างนี้ จนหมดนา(ผมร้องโห!!ในใจ มันไม่ง่ายเลย คิดต่อว่า... มิน่าละคนสมัยก่อนถึงมีความอดทนเป็นที่สุด) เก็บเสร็จก็ขนไปเก็บในยุ้ง จะกินข้าวที่ปลูกได้...ก็ต้องเอามานวดด้วยเท้า ให้ข้าวแตกออกจากรวง ได้ข้าวเปลือก แล้ว ก็ต้องเอามาตำด้วย #ครกกระเดื่อง เพื่อให้ข้าวแตกออกจากเปลือก (ยังเอาไปหุงไม่ได้นะครับ) ท่านบอกว่า... ต้องเอาข้าวที่ตำนั้น มาขวัดในกระด้งอีกที.. เพื่อแยก เมล็ดข้าวออกจากเปลือกข้าว ถึงจะรวบรวมข้าวที่ขวัดได้นั้น เก็บไว้หุง และเป็นเสบียงตุน เก็บไว้กินต่อไปครับ

?ที่เล่ามาทั้งหมดนี้... ท่านทำด้วยตัวเองทั้งสิ้น

?สิ่งที่ท่านเล่า..ทำให้ผมอดคิดถึง พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยงค์ฯ ไม่ได้จริง ๆ เลยนะครับ สมัยตอนที่พระอาจารย์หลวงพ่อฯ ท่านเป็นเด็กท่านก็ทำเช่นนี้ ท่านตำข้าวจนหมดแรง สิ้นสติ ล้มลงป่วยเป็นอัมพาต เดินไม่ได้และนอนป่วยอยู่หลายเดือน จนกระทั่งได้เกิดปาฎิหาริย์กับตัวของพระอาจารย์หลวงพ่อฯ เมื่อท่านอธิษฐานจิต “#ขออุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาหากมีผู้ใดมารักษาอาการนอนป่วยเป็นอัมพาตของท่านให้หายได้” และปาฎิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง ครับ เมื่อมี #ตาปะขาว มารักษาตัวท่าน จนหาย และทุกวันนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้นมันยังคงฝังอยู่ในใจของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯเสมอมา และพระอาจารย์หลวงพ่อฯท่านก็ไม่เคยพบตาปะขาวคนนั้นอีกเลยนะครับ

?ท่านเมตตาเล่าเรื่องราวบางส่วน ในชีวิตของท้านให้ผมฟัง.... ซึ่งตรงกับมุมๆหนึ่งในชีวิตของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯ)ของผม ที่ผมเคารพรักศรัทธาและเทิดทูนองค์ท่านอย่างสุดหัวใจ

ขอกราบขอบพระคุณท่าน มากครับ ที่เมตตาเล่าเรื่องราวบางมุมในชีวิตของท่าน...ให้ผมฟัง

?สุดท้ายท่านบอกว่า...ทุกวันนี้ คนในอ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมซ้ำซากนี้น้อยลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านเมตตา นั่นคือ "#โครงการแก้มลิง"โครงการในพระราชดำริ นั่นเองครับ

?ปล. ท่านเมตตาเล่าให้ผมฟังอีก หลายเรื่องนะครับ หากผมมีโอกาส จะเขียนบันทึกเก็บไว้อีก

(ขอขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้ครับ ที่ตามอ่านกันจนจบ ขอบพระคุณครับ)

#พระราชไพศาลมุนี

#สุราษฎร์ธานี

#วัดโมกขธรรมาราม

#วัดธรรมบูชา

หมายเลขบันทึก: 687968เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2020 18:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ธันวาคม 2020 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท