สำราญใจโดยสารในเชียงใหม่

             ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2560 ก่อนมีโรคระบาด ช่วงที่รถไฟตู้นอนกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง กลุ่มวัยรุ่น 5 คนได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10-13 ม.ค. 2560  ระหว่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ด้วยรถไฟ และโดยสารรถสารธารณะประจำถิ่นยามที่เดินทางในจังหวัดเชียงใหม่

             การเดินทางของพวกเราเริ่มขึ้นที่สถานีรถไฟบางเขน

วันจันทร์ที่ 9 ม.ค. 2560 - เดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา 18.44 น. ถึงจังหวัดเชียงใหม่วันอังคารที่ 10 ม.ค. 25560 เวลา 7.15 น.

วันอังคารที่ 10 ม.ค. 2560 - เที่ยวดอยอินทนนท์

             หลังจากที่พวกเราทั้ง 5 คนถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ จึงเริ่มหารถโดยสารเพื่อไปยังตลาดประตูเชียงใหม่สำหรับการต่อรถไปดอยอินทนนท์ เรามองเห็นรถสองแถวสีแดงจอดเรียงรายหน้าสถานีรถไฟ หากคุณอยู่ในเชียงใหม่ หรือกำลังจะไปเที่ยวเชียงใหม่ อาจเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ “รถแดง” รถสองแถวหลังคาเตี้ยที่ให้บริการผู้โดยสารในเมืองเชียงใหม่ และค่าโดยสารของแต่ละคันก็แตกต่างกันไป สามารถเหมารถไปที่ไหนก็ได้ พวกเรามองหารถคันที่ยังว่าง บอกคนขับว่าต้องการไปที่ตลาดประตูเชียงใหม่ ค่าโดย 60 บาท/คน เรายังไม่รู้เดียงสานักจึงตกลงที่ราคานี้ไป แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนหนึ่งส่ายหน้าไม่สามารถรับราคา 60 บาทนี้ได้

              พวกเราหาอาหารเช้ารับประทานก่อนเริ่มเดินทางจากตัวเมืองไปยังดอยอินทนนท์ ซึ่งต้องเริ่มจากการโดยสารรถเมล์สีฟ้า สายเชียงใหม่-ฮอด-ดอยเต่า จากตลาดประตูเชียงใหม่และลงที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง ค่าโดยสารอยู่ที่ 30 บาท/คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง เพื่อต่อรถสองแถวสีเหลืองขึ้นไปบนดอยอินทนนท์

         รถสองแถวสีเหลือง ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณรอบวัดพระธาตุศรีจอมทอง พวกเรามองเห็นอยู่ 2 สาย คือ สายจอมทอง-แม่แจ่ม และ สายจอมทอง-อินทนนท์ จากการสอบถามผู้รู้ทราบว่าสายจอมทอง-แม่แจ่ม ค่าโดยสาร 70 บาท/คน แต่เราหาที่ขึ้นไม่เจอ และฝนตก จึงลองสอบถามคนขับรถสายจอมทอง-อินทนนท์ ซึ่งคิดราคา 200 บาท/คน พวกเราทั้ง 5 คนปฏิเสธทันที แล้วปรึกษากันว่าควรไปขึ้นสายจอมทอง-แม่เจ่มดีกว่าหรือไม่ ขณะนั้นเองคนขับรถสายจอมทอง-อินทนนท์อีกคนเดินมาถามว่า “รอรถออกตามคิวได้ไหม คนละ 80 บาทนะ” พวกเราทั้ง 5 คนตกลงทันที 

             ทว่ารอเกือบครบ 1 ชั่วโมงแล้วยังไม่มีรถออก จึงคุยกับคนขับอีกครั้ง อาจเป็นโชคดีของพวกเรา มีนักท่องเที่ยวคนไทยอีก 5 คนกำลังจะไปดอยอินทนนท์ ค่าโดยสาร 250 บาท/คน รวมพาขึ้น พาลง พาไปเที่ยวน้ำตกวชิรธาร กิ่วแม่ปาน พวกเราทั้ง 5 คนพร้อมใจกันตกลงทันที (อีกครั้ง) คนขับคำนวณราคาใหม่และคิดค่าโดยสาร 200 บาท/คน พวกเราร่วมส่งกำลังใจให้คนขับเพราะทางขึ้นดอยนั้นลาดชันและคดเคี้ยว หลังจากนั้นจึงชมน้ำตกวชิรธาร และเมื่อถึงกิ่วแม่ปาน ก็เลยเวลามื้อเที่ยงมามากโข พวกเราจึงซื้อไข่ปิ้งและไก่ย่างจากร้านค้าแถวนั้นเพื่อเติมพลังก่อนเริ่มเดินท่องเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน และหาที่พักเพื่อค้างหนึ่งคืนใกล้กับน้ำตกสิริภูมิ 

วันพุธที่ 11 ม.ค. 2560 - เที่ยวในเมือง

             เช้าวันนี้พวกเราตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น และเก็บของเตรียมเดินทางลงเขา โดยขากลับจากที่พักแห่งนี้ พวกเราโทรหาคนขับคนเดิมที่พาขึ้นมา คนขับให้เพื่อนมาแทน โดยคิดค่าโดยสาร 100 บาท/คน เมื่อถึงวัดพระธาตุศรีจอมทอง จึงโดยสารรถเมล์สายจอมทอง-เชียงใหม่ ค่าโดยสาร 33 บาท/คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมงถึงตลาดประตูเชียงใหม่ และใช้บริการ GrabCar เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมภูศิริเพลส ที่พักในตัวเมืองของพวกเราจากวันนี้ถึงวันสุดท้ายของทริป

             การเดินทางทำให้เหนื่อยล้าพอสมควร พวกเราจึงพักผ่อนที่ห้องก่อนจะเริ่มเที่ยวถนนนิมมานเหมินทร์ พนักงานของโรงแรมโทรเรียกรถสองแถวสีแดงให้ ค่าโดยสาร 40 บาท/คน ซึ่งขากลับจากถนนนิมมานเหมินทร์ เราเดินหารถแดงกันเอาเอง จนเจอรถคันหนึ่ง คนขับกำลังยืนรอผู้โดยสาร พวกเราจึงบอกที่หมายคือโรงแรมและถามราคา คนขับคิดค่าโดยสาร 30 บาท/คน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าขามาทั้งที่เวลา ณ ตอนนั้นก็ดึกแล้ว เมื่อถึงที่พักพวกเราก็ได้ขอเบอร์คนขับเอาไว้ เพราะวันต่อไปจะต้องเดินทางไปสถานีขนส่งช้างเผือกเพื่อต่อรถไปดอยอ่างขาง คนขับยินดีและคิดราคา 20 บาท/คน

วันพฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 2560 - เที่ยวดอยอ่างขาง

             ปกติแล้วนักท่องเที่ยวที่ไปดอยอ่างขางมักจะค้างคืนที่นั่น แต่พวกเราทั้ง 5 คนตัดสินใจว่าจะไปเช้า-เย็นกลับ เนื่องจากพอใจในความสะดวกสบายของโรงแรมมากกว่า เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จเราจึงโทรหาคนขับรถคนเดิมเพื่อเดินทางไปยังสถานีขนส่งช้างเผือก และขอให้คนขับมารับตอนขากลับจากดอยอ่างขาง คนขับตกลงที่ราคา 20 บาท/คน เหมือนเดิม จากนั้นพวกเราซื้อตั๋วโดยสารรถเมล์สีส้ม สายเชียงใหม่-ท่าตอน ค่าโดยสาร 75 บาท/คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ลงที่วัดหาดสำราญเพื่อต่อรถสองแถวสีขาวขึ้นไปบนดอยอ่างขาง 

            รถสองแถวสีขาว จอดอยู่ในวัดหาดสำราญ คนขับคิดราคาเหมาขึ้น-ลงดอยอ่างขาง 1,200 บาท เมื่อหาร 5 คนแล้วจึงเท่ากับ 240 บาท/คน ถ้าไปแบบค้างคืน 1,400 บาท โดยคนขับพาไปโครงการหลวง เนื่องจากมีเวลาจำกัด ต้องลงจากดอยมาให้ทันรถเมล์สีส้ม พวกเราตกลงเพราะไม่มีทางเลือกอื่น และระหว่างทางขึ้นดอยจึงเข้าใจได้ว่าทำไมราคาจึงแพงกว่ารถสองแถวอื่น ๆ  เส้นทางขึ้นดอยอ่างขางทั้งลาดชันและมีโค้งแบบหักศอก เครื่องยนต์ของรถทำงานอย่างหนัก เหนื่อยทั้งคนขับและผู้โดยสาร

             ท่องเที่ยวบนดอยอ่างขางได้ไม่มากนัก พวกเราก็ต้องขึ้นรถสองแถวสีขาวกันอีกครั้ง คนขับแวะข้างทางให้ลงไปถ่ายรูปคู่กับดอกพญาเสือโคร่งที่ขึ้นอยู่ตลอดเส้นทาง และลงมาจนถึงวัดหาดสำราญโดยมีเวลาเหลือไม่มากไม่น้อยจนเกินไป รถเมล์สีส้มเที่ยวสุดท้ายออกจากท่าตอนเวลา 17.00 น. และรถคันเดิม คนขับคนเดิม กระเป๋ารถคนเดิม แวะรับพวกเรากลับสถานีช้างเผือกถึงเวลามื้อเย็นพอดี 

             ตลาดประตูช้างเผือกอยู่ไม่ไกลและมีร้านอาหารมากมาย เมื่อท้องอิ่มแล้วจึงโทรเรียกคนขับรถสองแถวสีแดงคันเดิม รอไม่นานก็มาพร้อมกับผู้โดยสารต่างชาติอีกสองคน เราลองสอบถามพวกเขา พบว่าคนขับคิดราคา 20 บาท/คน เหมือนที่คิดกับคนไทย เมื่อถึงโรงแรมแล้วพวกเราได้พูดคุยกับคนขับอีก บอกว่าพรุ่งนี้จะกลับแล้ว ขอเรียกให้ไปส่งที่สถานีรถไฟได้หรือไม่ คนขับยินดีและคิดราคา 20 บาท/คน

วันศุกร์ที่ 13 ม.ค. 2560 - บอกลา

             ในวันนี้พวกเราทั้ง 5 คนไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากนัก ใช้เวลาหลังอาหารเช้าเล่นเกม นอนพักผ่อน แวะร้านกาแฟใกล้ ๆ และรับประทานอาหารกลางวัน กระทั่งถึงเวลา Check out เราจึงโทรเรียกคนขับรถสองแถวสีแดงคันเดิม ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ พวกเราร่ำลาคนขับและจะแนะนำคนอื่นให้มาใช้บริการ "ถ้าจะมาอีกหรือเพื่อนมา พวกเราจะให้เบอร์ลุงไปนะ" คนขับหัวเราะและบอกว่า "โทรมาคุยก็ได้"

             คนขับรถสองแถวสีแดงคนนี้ ชื่อ ลุงสำราญ

             พวกเราบอกลาจังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ขึ้นรถไฟและเดินทางออกจากจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 18.00 น. ถึงกรุงเทพฯ วันเสาร์ที่ 14 ม.ค. 25560 เวลา 6.14 น.

เมื่อทุกอย่างเป็นใจ พวกเราจะกลับไปอีกครั้ง