ปัญหามีไว้แก้ แต่ทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหา
ขณะนี้ปัญหาที่เกิดจากอินเตอร์เนตมากมายในวัยรุ่น ทั้งที่เราได้ประโยชน์จากอินเตอร์เนตมากมาย ความรู้ต่างๆที่อยากรู้ที่มีอยู่ในโลก มีเพื่อนให้คำปรึกษา มีหมอแนะนำการรักษา มีนักธุรกิจแนะนำอาชีพ ฯลฯ แต่ในทางตรงข้ามก็เป็นสื่อที่จะผยแพร่สิ่งต่างๆไม่พึงประสงค์ก็มีไม่น้อย ซึ่งสิ่งไม่ดีนี้เป็นเรื่องซ่อนเร้น เป็นเรื่องต้องห้ามทั้งหลักศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณี และข้อกฎหมาย ซึ่งข้อห้ามต่างๆเหล่านี้บรรพบุรุษที่เราเรียกว่าคนโบราณได้พบได้เห็นได้แกไขได้ปรับปรุงมาหลายยุคหลายสมัยแล้วจนเห็นว่า อะไรต้องมีข้อห้าม อะไรควรปฏิบัติ ให้เป็นแนวทางปฏิบัติ เหมือนเหรียญสองด้านคือมีทั้งหัวและก้อย หรือมีด้านมืดและด้านสว่าง ซึ่งแต่ละด้านสามารถปฏิบัติได้เท่ากัน ถ้าเราจะทำ ไม่ใช่ทำดีเห็นว่าทำยาก แต่ทำไม่ดีนั้นทำง่าย
ร้านเกมส์บางร้านที่มีปัญหากับบ้านเมืองจนต้องปวดหัว ที่ไม่ช่วยบ้านเมืองดูแลเยาวชนที่เข้าไปเล่นเท่าที่ควร แต่ถ้าท่านยึดหลักตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบัติตามมาตรการของแต่ละจังหวัดซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้เป็นแนวทางปฏิบัติ ออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการวัสดุและเทปโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๓๐ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสมหาปิติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษาในปี ๒๕๕๐ นี้ ก็จะเป็นบุญเป็นกุศล
กระผมขอฝากทางสถานศึกษาได้ให้ความสำคัญกับโครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ตามโครงการเด่นของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมด้วย กระผมเห็นว่า นอกจากครูพระจะให้ความรู้ตารมหลักสูตรแล้วการนำเรื่องกฎแห่งกรรมไปเล่าให้นักเรียนได้ฟังบ่อยๆจะทำให้เกิดความเกรงกลัวต่อบาปที่จะทำได้ ถ้าสถานศึกษาได้ให้ครูพระได้จัดกิจกรรมทางศาสนาเป็นประจำเช่น สวดมนต์พร้อมคำแปล มีห้องจริยธรรมได้ฝึกปฏิบัติ นั่งสมาธิ และกิกรรมอื่นๆตามแนวทางพัฒนาจิตที่สถานศึกษาให้นักเรียนเข้าค่ายพุทธบุตรก็จะเป็นการปฏิบัติที่ต่อเนื่อง ซึ่งบางครั้งเราเห็นว่าเห็นผลช้าตามตัวชี้วัด แต่กระผมเห็นว่าเป็นแนวทางให้เยาวชนทำดีแบบยั่งยืน ควรให้มีการบวชเณรเป็นประจำทุกปี เพระจะเป็นหลักสูตรที่นักเรียนจะได้รับตลอดระยะเวลาที่บวชเพราะเมื่อบวชแล้วเยาวชนจะอยู่วัดจะไม่ใช้เวลาที่ว่างไปอย่างอื่น ทั้งนี้ทางโรงเรียนต้องจัอครู อาจารย์ช่วยพระคุณท่านด้วย อย่าคิดว่าเป็นเรื่องของครูพระอย่างเดียว ทุกคนต้องช่วยกัน ในโอกาสที่เป็นวิกฤตอย่างนี้พวกเราต้องช่วยกัน
กระผมคิดว่าน่าจะเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
บทเรียนบนโลกมนุษย์เรานั้น มีมากมายเหลือเกินครับ
บทเรียนผมถือว่าเป็นปัญหา น้อยบ้างหนักบ้างตามแต่ขนาด
ยุคข้อมูลข่าวสารรวดเร็วเหลือเกิน สมัยก่อนเคยได้ยิน วัยรุ่นบ้านหนึ่งไปตีอีกบ้านหนึ่ง อยู่ไกลกันต้องเดินไป เหนื่อยระหว่างทางเสียก่อน
ยุคนี้เขาจะตีกันเพียงบิดรถ หรือเหยียบคันเร่งน้ำมัน ขับขี่ยวดยานไปตีกัน พลังจะต้องใช้หรือต้องเหนื่อยเหมือนวัยรุ่นยุคก่อนไม่มี เพราะความสะดวกครับ
ปัญหาการใช้อินเตอร์เน็ตนั้น เพียงเข้าถึง เข้าระบบเป็น คุ้นจะเข้ามาเป็นผู้ให้ ผู้ใช้ ๆ อะไร หรือหากเป็นผู้ให้ ผู้ส่งข่าวสาร ๆ แบบไหน ผู้ใหญ่ใจดีคิดดีทุกท่านควรคิด และเตรียมเสนอทางออกทางแก้ก่อนสาย ร่วมมือร่วมใจกันเถอะครับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา@