ผ่านงานบุญกฐิน..ประจำปี ๒๕๖๓ มาแล้ว ๒ งาน ที่ผมนำวงดนตรีของโรงเรียนไปช่วยวัดในชุมชน ยังคงเหลืออีก ๒ งาน ทั้งงานทอดกฐินและงานลอยกระทง...
ผมใช้คำว่า..วงดนตรี ก็เพราะว่าเป็นวงจริงๆ นั่งกันเป็นวงบนศาลาการเปรียญของวัด มีวงกลองยาวกับวงดุริยางค์ และไม่ใช่วงเล็กธรรมดาๆ เป็นวงใหญ่ครบเครื่องเสียด้วย...
ขณะที่ผมร่วมบรรเลงอยู่กลางวง มีโอกาสสังเกตบุคลิกท่าทางของนักเรียน ผู้เป็นนักดนตรีตัวน้อยๆของผม เห็นพวกเขาเล่นอย่างมั่นใจ ลอยหน้าลอยตา เสมือนว่าเป็นมืออาชีพ...
แท้ที่จริง..เกิดจากนักเรียนซ้อมเยอะมาก ประกอบกับความชอบและสนใจ..จึงทำให้บรรเลง ณ ที่ใด ก็ไม่เคยสร้างความผิดหวัง
ผมคิดไม่ผิดเลย..ที่ให้นักเรียนเรียนรู้ “วิชาดนตรี”ขั้นพื้นฐาน มาตั้งแต่เขาเรียนอยู่ชั้น ป.๒ – ป.๓ สั่งสมทักษะและประสบการณ์ไว้ จนมีความกล้าแกร่ง...บรรเลงได้แข็งแรงในปัจจุบัน
วันที่ตั้งวงครั้งแรก จำได้แม่นยำคือ ปีพ.ศ.๒๕๕๓..ผมนำกลองยาวเก่าๆ จากโกดังมาปัดฝุ่น จำนวนกลองยาวกับฝุ่นเยอะพอๆกัน กลองหลายใบถูกหนูแทะ ทะลุปรุโปร่ง คัดแล้วตีได้ประมาณ ๗ ใบ ตอนนั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนมี ๖๐ คน ในความรู้สึกก็ยังอยากทำวง..ทั้งที่ไม่พร้อมเท่าที่ควร..
ตอนนั้น คิดแต่เพียงว่า..ถ้ารอให้พร้อมก็ไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องได้เรียนกัน..เพราะในโรงเรียนขนาดเล็ก บางครั้ง..ในหลายเรื่องราว...มันมักจะไม่พร้อมตลอดกาล..
ส่วนดุริยางค์..มีกลองใบใหญ่ ที่ไม่ใสสะอาดเลย ส่วนกลองแท๊ค..นอกจากจะเก่ามากแล้ว เสียงยังผิดเพี้ยนไปด้วย ส่วนเครื่องเป่า เครื่องตี อย่างเมโรเดี้ยน และเบลเลลล่า(นิ้งหน่อง) ไม่มีเลย ผมต้องหาซื้อเอง เงินก็มีไม่มาก เลยต้องซื้ออย่างจำกัด
การเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่ในความรู้สึกในวันนั้น มันยิ่งใหญ่มากๆ ภูมิใจที่ทำได้ เวลาออกงานก็ไม่อายใคร เหมือนได้เรียนรู้ซึ่งความ “พอเพียง” มีอุปกรณ์แค่ไหนก็ใช้ไปก่อน..
แน่นอนที่สุด..การที่ผ่านจุดนั้นมาได้ ต้องอาศัยการเรียนรู้ทั้งครูและนักเรียน ครูต้องอดทน..ในการป้อนโอกาสให้นักเรียน อดทนและรอคอย..วันที่นักเรียนจะกล้าแสดงออก
นักเรียนต้องเรียนรู้...อย่างขยันหมั่นเพียร เรื่องของจังหวะ ทำนองและตัวโน้ต ตลอดจนต้องใช้เวลาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปสู่การเป็นต้นแบบ..จากรุ่นสู่รุ่น...
วันนี้..นักเรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง..พี่สามารถสอนน้องได้ จากวงเล็กกลายเป็นวงใหญ่..ความสามารถของนักเรียนใกล้จะเข้าไปนั่งในหัวใจของผู้ปกครองแล้ว
ข้อคิดของวันนี้ก็คือ..จงให้ความสนใจทั้งหมด ไปที่ “การเรียนรู้” ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติบโต และความก้าวหน้า..
เพราะทุกสิ่ง จะมาได้เองเมื่อเราทุ่มเทที่จะ “เรียนรู้..ปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
ชีวิตที่ไม่มั่นคง ล้วนมาจากคนชอบใช้วิธีหรือเส้นทางลัด ระยะสั้นดูดีระยะยาวง่อนแง่นซวนเซง่าย เพราะขาดการเรียนรู้ในตน..
จงหมั่นเข้าใจและเข้าถึง แก่นแท้ของการเรียนรู้ที่สำคัญ คือ..ยิ่ง”อดทนฝึกฝน”มาก..ก็ย่อมเพิ่มพูนจนเชี่ยวชาญ ยิ่ง “อุตสาหะ”มาก..ก็ย่อมพัฒนาก้าวไกล..
พึงตระหนักว่า..”การเรียนรู้นั้นคือหัวใจของความสำเร็จในทุกสิ่งของคนเรา”
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓
ความสุขของนักพัฒนาการศึกษา คือ ความสุขของเด็ก ๆ ;)…
แต่กว่า…จะมีวันนี้…ได้..เหนื่อยจังเลยครับ…อาจารย์