เพื่อนร่วมรุ่นศรียาภัยที่ชุมพร พบปะกันครั้งที่แล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ (๑) ผมได้เล่าอาการของความชราในกลุ่มเพื่อนๆ ไว้ในบันทึก คราวนี้อาลักษณ์ก็ให้สมบูรณ์เป็นคนนัดกินเลี้ยงที่บ่อทราย ที่ไทรน้อย อย่างเดิม โดยถามผมเป็นคนแรก เมื่อผมให้วัน สมบูรณ์ก็ไปนัดเพื่อนคนอื่นๆ ได้วันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ โดยนัดล่วงหน้าเดือนเศษ เพื่อนๆ เขารู้ว่าผมยังมีงานยุ่ง นัดยาก
เวลาผ่านมาปีเศษ มรณานุสติค่อยๆ ตามมาเตือนชัดขึ้นๆ เรานัดกัน ๑๑ น. เวลา ๘ น. ผมก็โทรศัพท์ไปหาบรรจง (๘๓) ได้ความว่าไปไม่ได้ เพราะเดินไม่ได้ เข่าอ่อน ส่วนสมบูรณ์ต้องไปกับธรรมนูญและมงคลอย่างเดิม โดยปีนี้ผมตัดสินใจขับรถไปเอง ไม่ติดรถหรู Porsch SUV ของธรรมนูญ ผมจึงไปถึงก่อนธรรมนูญ และเมื่อสมบูรณ์ลงจากรถก็เห็นสภาพสุขภาพที่เสื่อมถอยชัดเจน มงคลช่วยดูแลสมบูรณ์อย่างชำนาญ
อาหารคล้ายๆ กับปีก่อน ที่แปลกใหม่คือมี “ห่อหมกท่ายาง” มาให้กิน (ดูรูป) ห่อหมกที่ผลิตจากบ้านเดิมของผมจึงมีชื่อเสียง มีบริการส่งไปที่ไหนก็ได้ อาลักษณ์บอกว่าราคาเพียงห่อละ ๑๐ บาท แต่แพงที่ค่าส่ง เป็นห่อหมกที่เดี๋ยวนี้หากินที่อื่นไม่ได้ เพราะมีเนื้อปลาเป็นส่วนประกอบหลัก มีเครื่องแกงประกอบเล็กน้อยเท่านั้น ต่างจากห่อหมกที่ขายกันทั่วไป ที่มีแต่เนื้อเครื่องแกง หาปลาแทบไม่พบ
อาลักษณ์ให้อาหารและของฝากกลับบ้านมากมาย ได้แก่มะม่วงคนละ ๒ ผล ชุดขนมจีนน้ำยาและผัก ปลาเค็ม มะนาว มะพร้าวอ่อน ผมได้รับการดูแลพิเศษในฐานะผู้มีบุญคุณสมัยอาลักษณ์ยังยากจนและขาดเงิน คือได้ปลาอินทรีย์แช่แข็งตัวยาวค่อนเมตร ได้มะม่วง ๔ ผล และห่อหมกอีกหลายห่อ
อาลักษณ์น่าจะเป็นเพื่อนที่ฐานะดีที่สุดในรุ่น น่าจะเป็นเศรษฐีพันล้าน ทั้งๆ ที่อายุกว่า ๘๐ แล้ว สุขภาพก็ยังดีพอสมควร ผมชมว่าสุขภาพของเขาดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว เขาบอกว่าหลังต่อเส้นเลือดหัวใจ ๓ เส้น และหมอเบาหวานคอยดุ สุขภาพของเขาดีขึ้น
ผมถามเขาเรื่องผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ๑๙ เขาบอกว่า ทำได้ในระดับเลี้ยงผู้คนเอาไว้ ดูจากเจ้าหน้าที่ที่มาทำอาหารและคอยบริการพวกเรากว่าสิบคน และรถบรรทุกทรายที่แล่นเข้าออก ก็เห็นว่าเขาต้องเลี้ยงบริวารมากมาย
เขาไปซื้อที่ดิน ๘๐ ไร่ที่บางเลน ทำเป็นสวนมะพร้าวและมะม่วง อยู่ด้วยกัน โดยยกร่องที่นาทำเป็นที่สวน ทำให้ผมหวนคิดตอนตนเองเป็นเด็กและพ่อทำแบบเดียวกัน แต่ส่วนดินที่ยกขึ้นมาแคบกว่าสวนของอาลักษณ์มาก เขาขุดสระด้วย เตรียมทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เขาบอกว่าอีก ๓ ปี ไปกินเลี้ยงกันที่นั่น มะม่วงจะออกผลแล้ว ผมนึกในใจว่าทั้งคณะต้องหมั่นหายใจเข้าไว้
น่าชื่นใจที่อาลักษณ์มีความริเริ่มสร้างสรรค์ไม่หยุด มีการมองการณ์ไกลมาก เขานัดทีมคนหนุ่มมาคุยเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อบำรุงดิน
ที่จริงผมจำทางไปบ่อทรายไทรน้อยไม่ได้ ลองค้น Google Map ได้จุดสำคัญว่า หจก. บ่อทราย ไทรน้อย ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นสถานที่บ่อทรายของผู้กองอาลักษณ์หรือไม่ เมื่อได้ข้อมูลจากบรรจงว่า เข้าทาง กศน. ไทรน้อย และตรวจสอบโดย Google Map ก็มั่นใจว่าใช่ เมื่อจะออกเดินทางก็ถาม Google Map ว่าไปทางไหนดี และไปตามที่เขาบอก ปรากฏว่าเขาพาหลบการจราจรคับคั่งไปตามเส้นทางใหม่ที่รถไม่มากนัก ขากลับผมก็ให้เขานำทางอีก เขาพากลับคนละทาง ผ่านเส้นทางลดเลี้ยวในพื้นที่อำเภอไทรน้อยมาออกถนนใหญ่ ที่การจราจรมากแต่ไปได้คล่อง และกลับถึงบ้านเร็วเกินคาด โดยตอนขากลับฝนตกหนักมาก สรุปว่าผมขับรถไปกลับเป็นวงกลม ไม่ได้กลับเส้นทางเดิม
อาลักษณ์ย้ำว่า นัดกัน ๓ ปีข้างหน้า หากจะให้เขาเลี้ยงที่บ้าน แต่หากจะให้เลี้ยงที่ร้านอาหารนัดเมื่อไรก็ได้ เขาบอกว่ายินดีเลี้ยง และจะไม่ยอมให้เพื่อนออกเงินอย่างที่ผมออกเงินเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว และเขายัดเยียดเงิน ๑ หมื่นให้ผม ผมเอาไปบริจาคแก่มูลนิธิพูนพลัง เพื่อเอาไปช่วยเหลือเด็กยากจน เมื่อส่งใบเสร็จไปให้เขาไปรษณีย์ตีกลับ เขาจึงไม่รู้ว่าได้ทำบุญในครั้งนั้น และผมก็ไม่ได้บอกเขา
มะพร้าวอ่อนที่ได้มาทั้งหอมทั้งหวาน เนื้อก็กำลังพอดี ยิ่งมะม่วงยิ่งหวานหอมมาก
เช้าวันที่ ๕ กันยายน บรรจงโทรมาถามว่าทราบข่าวหรือยัง บุญพา ยลัญสัจจา (๘๑) เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคหัวใจวาย โดยที่เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม บุญพามีหน้าตาท่าทางแข็งแรงดี ในรูปที่ ๒ บุญพายืนขวาสุด ในรูปที่ ๓ ยืนซ้ายสุด บุญพาเป็นรุ่นพี่ สอบตกมาอยู่รุ่นเดียวกัน น้องสาวชื่อพูนศรี เรียนชั้นประถมรุ่นเดียวกันกับผม และเป็นคู่แข่งสอบได้ที่หนึ่งมาด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ผมแพ้ พอขึ้น ป. ๔ ก็มีเด็กผู้หญิ่งรุ่นน้อง ชื่อ เพ็ญศรี พาสชั้นขึ้นมาเป็นคู่แข่งอีกคน สองคนนี้ไปสอบเข้าเรียนชั้นมัธยมได้ที่โรงเรียนประจำจังหวัดสตรี ชื่อ โรงเรียนสตรี “สะอาด เผดิมวิทยา”
ตอนอารักษ์บอกว่าอีก ๓ ปีพบกันที่สวนใหม่ ผมนึกในใจว่า จะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้นกี่คนก็ไม่รู้ วันนี้รู้แล้วว่าหายไปคนหนึ่งแล้ว
ค่ำวันที่ ๖ กันยายน ผมไปงานสวดศพบุญพา ที่วัดดุสิตารามวรวิหาร เขตบางยี่ขัน เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้พบพูนศรี (๗๙) เพื่อนที่ไม่ได้พบกันกว่าหกสิบปีและคุยกันอย่างสนิทสนม ความเป็นเพื่อนเก่า และสมัยเด็กบ้านอยู่ตำบลเดียวกัน ช่วยให้มีความไว้วางใจต่อกันสูง จึงคุยกันสนุกมาก ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจบ ม. ๖ บุญพาไปเรียนช่างกล ดูจากงานศพ แสดงว่าลูกๆ ของบุญพามีการศึกษาดีและมีงานที่มั่นคง ส่วนพูนศรี เวลานี้อยู่ที่จังหวัดกระบี่ ผมลืมถ่ายรูปเธอไว้
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ส.ค. ๖๓ เพิ่มเติม ๗ ก.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น