??? 4.0 ??? ตอนที่ 4.1


??? 4.0 ??? ตอนที่4.1

 สวัสดีครับ มีผูกก็ต้องมีแก้ ไม่รู้จะมีเวลาไม๋และไม่รู้จะมีประโยชน์เพียงใด เพราะผมเป็นเพียงคนตัวเล็ก..........ก็ไม่รู้สิน่ะแค่ความคิดเห็นส่วนตัว....

กล่าวตอนนี้จะมีประโยชน์หรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะยังทันก็คงต้องกล่าวเป็นตอนสุดท้าย ทางออกการพัฒนา ทิศทางการพัฒนา

ก่อนอื่นผมเองไม่เห็นด้วยกับการสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อขนคนจำนวนมาก และด้วยเหตุผลด้านความเร็ว (แต่มีการลงทุนสูง ผลกำไรต่ำเกินไป) เพราะอนาคตการขนคนเพื่อทำงานน่าจะน้อยลงมาก  เพราะระบบอินเตอร์เน็ต การสือสารไร้พรมแดนแต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือการขนส่งสินค้า พัสดุ ต่างๆ เนื่องจากการเจริญ ทางวัฒนธรรมด้านค้าขายไร้พรมแดงสิ่งหนึ่งที่ส่งผ่านสายเครือข่ายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้การขนส่ง วิวัฒนาการขนส่งไปไกลครับมีทั้งขนส่งผ่านราง แล้วขนส่งผ่านถนนความเร็วสูง หรือถนนขนส่ง Transport road

มีหลายประเทศที่มองการลงทุนที่น้อยกว่าระบบรางซึ่งการขนส่งแบบนี้จะเกิดปัญหาขึ้นได้ เนื่องจากมีผู้ค้ารายเดียว เกิดการผูกขาดการขนส่งทางเลือกของการขนส่ง คือ การสร้างระบบขนส่งทางถนน และเป็นทางขนส่งโดยใช้ 4.0 ควบคุมเป็นถนนขนส่ง วิ่งด้วยความเร็วปานกลาง ด้วยขบวนรถพวงตู้คอนเทนเนอร์ ยาวๆ ต่อเนื่องหลายๆคันเว้นระยะทาง ระหว่างรถ ถ้าเป็นหลักวิศวกรรมก็คือ ระบบปฎิบัติการแบบท่อลำเลียง(Pipe Line) ถนนเป็น สองช่องทาง ไปหนึ่งช่อง-กลับหนึ่งช่องมีจุดรับ-ส่งตู้คอนเทนเนอร์ เป็นถนนขนานออกไป และเนืองจากมีการจัดการเทคโนโลยี 4.0ก็จะมีการจัดการลำดับตู้ลำเรียงสินค้า อย่างเป็นระบบ ขบวนไหนถึงจุดส่ง ตู้ไหนต้องถูกทิ้งไว้ณ จุดทิ้ง และตู้ไหนต้องถูกใส่เข้าไปแทน แล้ววิ่งออกถนนหลัก มีการจัดลำดับโดยเว้นระยะกันวิ่งไปตลอดทั้งวัน แบบวงกลม รถทุกคนที่เข้าร่วม ไม่มีการผูกขาด เหมือนระบบรางรถต่างยี่ห้อ รถต่างบริษัท สามารถเข้าสู่การลำเรียงนี้ได้ โดยทำตาม มาตรการ(Protocol)  สินค้าจะถูกส่งโดยการจัดการ ณจุดทิ้ง ไม่ใช้จุดส่งของน่ะครับ เพราะต้องงานการจัดการอีกระดับหนึ่ง (ถ้ามีก็ดี)

ผู้ลงทุน วิ่งไปลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ก็รอบๆ ประเทศของเรา จุดเปลี่ยนประเทศ คือ จากคำกล่าวที่ว่าประเทศไทยจะเป็น Hub ต้องถูกยกเลิกไปในบัดดล ประเทศจะเป็นเพียง Hubอีกต่อไปไม่ได้แล้วครับ ทำไมหรือครับ ขอกล่าวดดยสังเขปในระบบซื้อขายระบบขนส่งโลกกันก่อนน่ะครับ เข้าสู่วิวัติการพัฒนาก้าวบิน ไม่ใช้ก้าวกระโดดกันแล้วอย่างไรหรือครับ ขอยกตัวอย่างโดยสังเขป ของการค้าขาย Online ระดับโลกก่อนน่ะครับแห่งหนึ่ง ไม่ขอก้าวร่วม เป็นแนวความคิดส่วนตัวน่ะครับ อาจไม่จริงก็ได้ ไม่ยืนยันน่ะครับ

ผู้ค้าระบบหนึ่งได้มีการสร้างคลังสินค้า online เป็นของตัวเอง เรียกกันภาษาการค้าว่า DropOutแต่ที่จะกล่าวนี้ เหนือ DropOut ไปเป็น ProxyWarehouse กล่าวคือ ผู้ขายสินค้าต้องการขาย แบบออนไลน์ทำการขายสินค้าจากโรงงาน ไปยังลูกค้า โดยตรง ใช้เพียงแค่การจัดการ (เหมือนกับเว๊ปจองการท่องเที่ยว)กล่าวคือ โรงงานมีการผลิตสินค้าใส่เข้าไปยังที่เก็บสินค้าเคลื่อนที่คลังสินค้าชั่วคราว (ภายในตู้ก็มีการจัดการจัดหมวดหมู่สินค้าแยกเป็นชั้นๆ) แล้วแต่มาตรการ และบริบทของสินค้านั้นๆ Proxy Warehouse ตอบสนองการจัดเก็บสินค้าจากทั่วประเทศและต่างประเทศ น่ะครับ แต่จะขอกล่าวให้ความเข้าใจพอสังเขป ระบบนี้ผมศึกษามามากกว่า5 ปี เคยเสนอ มีความคิดไม่มีตังว่างั้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ แต่เพื่อเป็นการแชร์ความรู้เพื่อประเทศคงต้องขอบังอาจแสดงความคิดเห็นล่ะครับ….เพียงคนตัวเล็กๆที่ศึกษาๆๆ และศึกษา

Proxy Warehouse คือ อาจเป็น รัฐฯ/หน่วยงาน/บริษัทฯ/กิจการคงคลัง สร้างคงคลังสินค้าส่วนกลางอาจเป็นเพียงพื้นที่ ยกเทียบเคียง เหมือนกับตั้งสถานที่พักท่องเที่ยวของรถบ้านหรือตั้งเต็น ณ สถานที่นี้จะมีไฟฟ้าพวงเข้ารถบ้าน มีสาธารณูประโยชน์บริบท และพนักงานคลังสินค้าครบครั้นณ ตำแหน่งใกล้จุดส่งสินค้าหลัก (เหมือนจุดวางจาน-ล้างจานของร้านขายอาหารในห้างน่ะแหละครับ)ProxyWarehouse  นี้ก็จะมีจุดวางตู้คอนเทนเนอร์หรืออาจเป็นคลังสินค้าติดแอร์ หรือคลังสินค้าชั้นวาง ก็ได้ (แล้วแต่บริบทของสินค้า)เมื่อผู้ผลิตสินค้าผลิตสินค้าได้จำนวนหนึ่ง ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องมีคลังสินค้าขนาดใหญ่ในโรงงานผลิตสินค้าจำถูกเข้าตู้สินค้าชั่วคราว และนำไปวาง ณ จุด Proxy Warehouse เมื่อการการทำรายการซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ออนไลน์หรือขายจากตัวแทน คำสั่งซื้อจะถูกส่งผ่านการจัดการของโรงงานไปยัง Proxy Warehouse พนักงานคลังสินค้า ณ Proxy Warehouse (อาจเป็นพนักงานของโรงงานหรือตัวแทนของโรงงานผู้ผลิตสินค้า ไปประจำเหมือนกับพนักงานขายสินค้าประจำบูทสินค้าภายในห้างฯไม่ใช้คนในห้างแต่เป็นพนักงานที่ส่งมาจากผู้ผลิตสินค้ามาประจำบูส)  ทำการเบิกสินค้าในตู้ ตามคำสั่งซื้อทำการเพ็กจ่ายได้ที่อยู่จากระบบอัตโนมัติ นำรอส่งสินค้า ตามวงรอบการส่งค่าใช้จ่ายระบบคลังสินค้าก็จะได้จากผู้ผลิตสินค้า ขึ้นกับมาตรการ(Protocol)  อีกน่ะแหละครับ

ประเทศต้องทำอย่างไร .... ความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับไม่ยืนยันนั่งยันให้ทำ แค่อ่านคิดตามก็พอใจแล้ว จะทำไม่ทำก็น่าจะทันใช้งานจากรถความเร็วสูงมาทำก็น่ะจะพอไม่เกินงบฯ แน่นๆครับ แบ่งเป็นภายในประเทศ/ประเทศอาเชียน /ประเทศนอกอาเชียน

ภายในประเทศ ทุกจังหวัดสร้าง Proxy Warehouse ใช้เก็บสินค้า OTOP มีการจัดทำคำสั่งซื้อแบบรายย่อและสร้าง Proxy Warehouse ระดับภาค เพื่อรวบรวมสินค้าที่ขายดีขายเด็นส่งต่างประเทศ (แล้วแต่บริบทของสินค้า)

ประเทศอาเชียน สร้าง Proxy Warehouse ของ ทุกชายแดน จุดผ่าน เพื่อรวบรวมสินค้าจากตระเขบชายแดงน และสินค้าขายประจำของประเทศที่ต้องการส่งออกเป็นที่พักสินค้า OTOPX

ประเทศนอกอาเชียน (ไม่ติดชายแดน)สร้าง Proxy Warehouse ในสนามบิน เพื่อลองรับสินค้าOTOP รอส่ง/สินค้าต่างประเทศรอส่งในประเทศ(พักไว้ยังไม่มีคำสั่งซื้อ)/สินค้าต่างประเทศรอส่งต่างประเทศแค่พักไว้จากต่างประเทศ แล้วส่งต่อเลย

การหารายได้ก็มีได้ทุกขั้นตอนน่ะครับแล้วแต่มาตรการ (Protocol) ที่ตกลง ในที่นี้ไม่ให้ความคิดเห็น ขึ้นกับบริบทของสินค้าอย่างที่เห็นชัดในปัจจุบันนั้น ผู้ซื้อก้ต้องรับภาระการจัดส่งสินค้าเอง ผมเคยซื้อสินค้าโดยผ่าน Proxy Deliver (เป็นอีกระบบที่ผู้ขายต่างประเทศไม่ขายนอกประเทศผมต้องสั่งซื้อโดยให้ส่งในที่อยู่ ปณ.ของ Proxy Deliver พอสินค้าถึงเขา เขาก็จะส่งต่อนอกประเทศมายังเราให่เอง ) มาแล้ว เขามีการชาร์ต เป็น 2 กรณี กรณีที่รับสินค้ามาแล้วจ่ายหน้าใหม่ปิดทับแล้วส่งต่อเลย กับให้แกะสินค้าตรวจรับเสมือนเราตรวจรับเองแล้วทำการแพ็กใหม่ แล้วค่อยส่งมาต่อมายังเราอีกที ซื้อราคาวิธีนี้ก็ไม่ได้ถูกเท่าไรนักแต่ก็ดีกว่าบินไปซื้อสินค้าเอง หรือใครญาติไปซื้อให้ เพราะผมเคยพยายามแล้ว ญาติที่ผมวานให้ไปซื้อบ่นไม่อยากทำให้กลัวผิดใจกัน ประมาณนั้น กล่าวง่ายๆ คือเป็นธุระจัดหาเสียเวลาแล้วก็ต้องรับผิดชอบเงินก็ไม่ได้ อย่าให้ทำดีกว่า ผมเลยต้องใช่บริการ Proxy Deliver น่ะแหละ ซื้อมาเท่าไร ถ้าขายต่อก็แค่บวกไปจากต้นทุนที่เสียไป+กำไรก็จบใครไคร่ซื้อก็ซื้อใครไคร่ไม่ศื้อก็ไม่ต้องซื้อ จริงไม่ครับ.....

จากขั้นต้นอาจเป็นโดยสังเขป....คิดว่าเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อเปิดประเทศ ทางออกทางเศรษฐกิจ จากผู้มีความเห็นตัวเล็กๆ คนหนึ่งหวังว่าความเห็นดังกล่าวนั้น จะช่วยได้ไม่มากก็น้อย

อนึ่ง...ความเห็นที่เกี่ยวกับ 4.0ภายในประเทศยังมีอีกน่ะครับ แต่มิอาจแสดงเพิ่มกว่านั และผมคิดว่าผู้นำประเทศอาจมีความเห็นและมีความมั่นใจสูงมาก จนไม่รับทราบความเห็นต่างๆ ที่อาจส่งผลประโยชน์ให้กับประเทศในส่วนรวมจากสถานการณ์ ผมพบว่าไม่ว่าความเห็นของเราจะดีเพียงใด ความเป็นกูของกู ตัวกูของกูนั้น รัฐฯมีสูงมาก ไม่ว่าความเห็นไหนจะถูกแค่ไหนก็ไม่รับ แบบนี้แล้วประเทศน่าจะถึงทางล้มแน่นนอนครับ......ส่วนผลอยากกล่าวเตือนสติว่า

 การรับฟังแล้ว การทำตามหรือไม่ทำตาม นั้น ถ้าท่านพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้วท่านจะทราบว่าผลประโยชน์สูงสุดควรจะสำคัญ อะไรที่ทำแล้วอาจเสียหน้าบ้างผิดใจตัวเองบ้างแต่ให้ได้ผลประโยชน์มากกว่าก็น่าจะพิจารณาชั่งน้ำหนัก ดีกว่าไม่ยอมเสียหน้าไม่ยอมผิดใจตัวเองแต่ต้องเสียผลประโยชน์ใหญ่หลวงนัก ดังเช่น ผมลงรถเมล์ก่อนป้าย เมื่อลงมาแล้วก็เดินกับขึ้นไปบนรถยืนกลับไปรออีกป้ายสองป้าย ....ดีกว่าลงมาแล้ว ไม่ยอมเสียหน้า ลงรถ รอรถคันถัดมาแล้วขึ้นไปเสียค่ารถอีกรอบ+เวลารอรถอีกคัน....ท่านจะทำเช่นไหนหรือ ท่านๆๆ

ขอบคุณที่ทนอ่าน ก็แล้วแต่น่ะครับ......

 


หมายเลขบันทึก: 682912เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2020 13:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2020 13:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท