ขอเชื่อมโยงเรื่องเด็กหัวรั้น ที่ผู้ใหญ่ระอา เข้ากับคุณลักษณะหรือสมรรถนะ critical thinking ที่วงการพัฒนามนุษย์สมัยนี้ต้องการนักหนา โดยรำลึกถึงชีวิตสมัยเด็กมากๆ ของตนเองมาประกอบ
ได้เล่าแล้วว่า ตอนผมอายุระหว่าง ๖ - ๑๕ ขวบ นั้น แม่เป็นห่วงมากว่าจะเสียคน จะมีชีวิตที่ดีไม่ได้ เพราะเป็นเด็กไม่ไหน ผู้ใหญ่สอนอะไรชอบเถียง ได้ชื่อว่าเป็นเด็กหัวรั้น จำได้ว่าตอนเป็นเด็กอายุราวๆ ๘ - ๙ ขวบ เป็นช่วงที่ใกล้ชิดปู่มาก และปู่ก็ชอบเล่าหรือสอนเรื่องต่างๆ แล้วผมก็เถียง จนปู่โมโห ว่าผมเป็นเด็กที่ไม่เคารพผู้ใหญ่ เอาไปฟ้องพ่อ ทำให้ผมโดนเฆี่ยน การโดนพ่อเฆี่ยนนั้น ทำเป็นพิธีและเฆี่ยนแรงมาก เจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายและใจ เพราะใจมันบอกว่าผมไม่ผิด
เหตุการณ์ที่ปู่ฟ้องพ่อเช่นนี้ เกิดบ่อย ในลักษณะที่ผมโดนลงโทษแล้วก็ยังไม่หลาบจำ ในที่สุดผมก็อุทธรณ์กับพ่อว่า ก็ที่ปู่พูดนั้นมันไม่ถูก (ไม่ถูกจากมุมมองของเด็กนะครับ) ผมจึงได้รับคำแนะนำว่า เมื่อปู่พูด จะถูกหรือผิดก็ห้ามเถียง แต่ อนิจจา ตอนนั้น EF ของผมมันไม่แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วน self-regulation ผมจึงอดไม่ได้ที่จะเถียงปู่ นั่นคือด้านลบของชีวิต ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของตนเอง ที่เกิดมาเป็นเช่นนั้น คือใครว่าอย่างไรขอคิดดูก่อน ยังไม่ปลงใจเชื่อ และที่ร้ายกว่านั้น มีจุดแย้งได้ทุกที เป็นธรรมชาติหรือนิสัยติดตัวที่ก่อผลร้ายรุนแรงดังเล่าแล้ว
แต่บัดนี้ มีแนวคิด และผลการวิจัยเรื่องการเรียนรู้มากมาย และบอกว่ามนุษย์ในศตวรรษที่ ๒๑ ต้องมีคุณสมบัติสองขั้วตรงกันข้ามคู่หนึ่ง ที่เรียกว่า Creativity กับ Critical Thinking ซึ่งเมื่อผมคิดใคร่ครวญไตร่ตรองอยู่หลายปี ก็สรุปว่า มันคือความหัวรั้นนั่นเอง ภาษาพระเรียกว่าปฏิบัติอย่างมีวิจารณญาณ ตามกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่าเชื่อง่าย ต้องเชื่อตนเองหลังจากทบทวนไตร่ตรองดีแล้ว ที่จริงปู่ของผมถือว่าเป็นปราชญ์ในสมัยนั้นนะครับ แต่ท่านคงไม่ได้ทบทวนเรื่องกาลามสูตรเอามาใช้กับผม
แต่ลูกๆ ผมโชคดีครับ ผมคิดอยู่เสมอว่า ผมมีนิสัยไม่ดีที่เป็นเด็กหัวรั้น แต่ก็ยังเติบโตได้ดิบได้ดีถึงขนาดนี้ได้ เมื่อลูกๆ ๔ คนของผมแสดงความหัวรั้นเอากับผม ผมจึงเตือนสติตนเองว่า นั่นแหละตัวผมที่ทำกับพ่อแม่และปู่ ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจเรื่องวิจารณญาณหรือ critical thinking นะครับ
ผมเข้าใจว่า เด็กหัวรั้น คือเด็กที่มีธรรมชาติมีความคิดของตนเอง หากผู้ใหญ่อดทนและใช้เวลาฟังความคิดของเขา และเสวนาให้เห็นว่ามีวิธีคิดแบบอื่นด้วย เด็กก็จะพัฒนาปัญญาได้ลึกและเชื่อมโยง ยิ่งมี critical thinking ที่สูงยิ่งขึ้น
วิจารณ์ พานิช
๖ ส.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น