๘๐. โคกหนองนา..ในน้ำยังไม่มีปลา แต่ในนามีข้าว


บางทีก็คิดเล่นๆ หากสิ่งที่โยนลงไป ไม่ใช่ต้นกล้าแต่เป็นต้นหญ้าแท้ๆ จะรู้สึกเช่นไร? ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน สิ่งที่ทำผ่านไปแล้ว..ก็ให้มันแล้วไป.. คนเราไม่จำเป็นต้องสมหวังในทุกเรื่องราว..ผิดหวังและขำๆกับชีวิตบ้างก็ได้ อย่างน้อย..ต้นหญ้า..ก็มีสีเขียวเหมือนกันมองแล้วสบายตาสบายใจ

        ผมไม่แน่ใจว่ามีความรู้ในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน ลูกชายพาทำก็ทำไป เพราะเชื่อว่าน่าจะไม่มีสมาชิกในครอบครัวใด ที่คิดจะนำพาองค์กรเล็กๆเดินทางไปสู่ความล้มเหลว...

    คำว่า”โคกหนองนา”..มีมานานแล้ว ผมได้ยินจากเรื่องเล่าและเรื่องราวในโครงการพระราชดำริ ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสใกล้ชิด แบบที่ต้องลงมือทำเองด้วยสองมือน้อยๆที่อ่อนนุ่มของผม เพราะจับแต่ดินสอและปากกาทุกวัน

    เมื่อผมสนใจ แต่ไม่มีโอกาสเรียนรู้จากตำราในสถาบัน สิ่งที่เป็นตัวช่วยอย่างดีก็คือเฟสบุ๊ค ไลน์และยูทูป..ค่อยๆศึกษาและทำความเข้าใจ อย่างที่ไม่ต้องรีบร้อน

    ก็ไม่รู้จะรีบร้อนไปเพื่ออะไร..อายุก็ปูนนี้แล้ว รู้เลยว่าสังขารไม่เที่ยง เลี่ยงงานหนักๆบ้างก็พึงกระทำ สู้งานได้..แต่ก็ต้องถอยให้เป็น นี่คือธรรมชาติของผู้สูงวัย ไม่มีใครแก่เกินคำว่าเรียนรู้ แต่ก็ไม่มีใครสู้จนลืมกำลังอย่างแน่นอน

        ผมเดินตามลูกชายในโคกหนองนามาปีกว่า..รู้เลยว่าไม่ใช่ของเล่น เพราะต้องเน้นแบบแผน..เพื่อให้งานโลดแล่นไป ผมก็เลยทำให้สนุก ปลุกใจไม่ให้เบื่อหน่ายหรือท้อถอย..แบบว่า..ทำเป็นเล่นแต่ก็อยากเห็นผลเลิศในโอกาสข้างหน้า

        โคกหนองนา..จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นงานสร้างสรรค์ในวิถีเกษตรกรตามแนวเกษตรอินทรีย์หรือบริหารจัดการที่ดินอย่างเหมาะสมนั่นเอง.

        เหมาะสมในที่นี้ จะไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะต้องมีที่ดินมากน้อยแค่ไหน..ไม่ได้คำนึงถึงฐานะความเป็นอยู่ แต่ต้องรู้จักบูรณาการ ผสมผสานกันอย่างพอเพียง

        เมื่อจัดการผืนดินให้เป็นโคกแล้ว ก็ต้องมีหนองน้ำ เพราะน้ำเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของ “โคกหนองนา” ผมจึงได้เห็นทั้งสระใหญ่และคลองไส้ไก่วิ่งวนโดยรอบ..รองรับน้ำฝน..ที่พรมบ้างในบางวันและตกกระหน่ำในช่วงเวลานี้

        แต่ก่อนหน้านี้ ก็เหมือนคนบ้าปลูกต้นไม้ ตลอด ๑ เดือนที่ผ่านมาปลูกได้ ๓๕๐ ต้น..ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ..แต่ต้องพอแล้ว เนื่องจากระบบน้ำ ยังวางใจไม่ได้ หากฝนทิ้งช่วง..ปัญหาจะตามมาอีกมากมาย..

        น้ำในสระยังไม่มากพอ คงต้องรอไปถึงเดือนหน้า โคกที่กว้างยาวราว ๒๐๐ ตารางวายังว่างเปล่า แต่ดินที่ขุดไปถมเป็นโคก กลับมีน้ำฝนขังอยู่เกือบเต็ม

        ในน้ำต้องมีปลา..แต่ผมคิดว่าน่าจะทำนามากกว่า เหลือบไปเห็นต้นกล้าที่ขึ้นอยู่ข้างกองฟาง ผมรีบขุดต้นกล้าเพื่อให้ก้อนดินติดมาด้วย..

        ผมคิดว่าเป็นต้นกล้าของข้าว มากกว่าต้นหญ้าทั่วไป เพราะต้นกล้าจากเมล็ดข้าวเปลือก ลำต้นจะแบนๆและมีรากฝอย..

        จากนั้นกิจกรรม “นาโยน”ก็เริ่มขึ้น จากทักษะและประสบการณ์เดิมที่ผมมี โยนต้นกล้าลงสระน้อยข้างโคกแต่ละที ก้อนดินจะจมลงไปในเลน ต้นกล้าตั้งตรงดูสวยงาม

        หากฝนยังตกอยู่เช่นนี้ ผมก็ยังมีต้นกล้าให้โยนได้อีกหลายวัน รู้สึกสุขสันต์ในอารมณ์เหลือเกิน..เพลินเพลินเหมือนอยู่ในบรรยากาศของการทำนาจริงๆ

        บางทีก็คิดเล่นๆ หากสิ่งที่โยนลงไป ไม่ใช่ต้นกล้าแต่เป็นต้นหญ้าแท้ๆ จะรู้สึกเช่นไร? ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน สิ่งที่ทำผ่านไปแล้ว..ก็ให้มันแล้วไป..

        คนเราไม่จำเป็นต้องสมหวังในทุกเรื่องราว..ผิดหวังและขำๆกับชีวิตบ้างก็ได้ อย่างน้อย..ต้นหญ้า..ก็มีสีเขียวเหมือนกันมองแล้วสบายตาสบายใจ

        โคกหนองนา..จึงเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ผม..Slow life หรือเป็น New Normal..ที่ผมและใครๆ..มิอาจปฏิเสธได้เลย...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๗  มิถุนายน  ๒๕๖๓


หมายเลขบันทึก: 677851เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2020 21:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2020 06:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

มาทักทายก่อนนอนจ้ะน้อง ผอ.คนเก่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท