หนังสือ Big Mind : How Collective Intelligence Can Change Our World (2018) เขียนโดย Geoff Mulgan ศาสตราจารย์ด้าน collective intelligence, public policy & social innovation แห่ง UCL และเป็น CEO ของ NESTA สถานที่ที่ผมไปประชุมเรื่อง Creativity & Critical Thinking เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๖๒ (๑)
โปรดสังเกตสาขาวิชาการของศาสตราจารย์ผู้นี้นะครับ มันสุดแสนจะสหวิทยาการ
หนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านก็รู้ทันทีว่า เขียนโดยนักวิชาการ เพราะมีการอ้างอิงกว้างขวางและย้อนไปหลายพันปี
ความฉลาดรวมหมู่ หรือจิตใหญ่จะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการยอมรับและให้คุณค่าต่อความแตกต่างหลากหลาย มีการจัดระบบ (organization) ให้ความแตกต่างหลากหลายนั้น “ออกฤทธิ์” ก่อผลดีที่ต้องการ โดยต้องตระหนักว่า อาจเกิดผลในทางไม่พึงประสงค์ก็ได้ ระบบที่สร้างขึ้นต้องมีวิธีป้องกันการดำเนินการไปสู่ผลไม่พึงประสงค์เหล่านั้น
ระบบดังกล่าว มีตั้งแต่ระดับองค์กรหรือหน่วยงาน ไปถึงระดับประเทศหรือสังคม และระดับโลก มนุษย์เราได้พยายามสร้างระบบดังกล่าวมาเป็นหมื่นปี ได้ผลดีก็มาก ก่อผลร้ายก็มี
บัดนี้ “จิตใหญ่” (collective intelligence) ต้องรวมเอาพลังของ “จิตประดิษฐ์” (virtual mind) ที่เกิดจาก “ปัญญาประดิษฐ์” (artificial intelligence) เข้าไว้ด้วย ที่จริง ธรรมชาติ น่าจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ collective intelligence และมนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ผ่านสิ่งที่เรียกว่า วิทยาศาสตร์ นำมาสร้างสรรค์เป็นเทคโนโลยีสารพัดแบบ จนในที่สุดเกิดเทคโนโลยีที่พัฒนา artificial intelligence ได้ ทำให้ยุคนี้ collective intelligence เกิดจากการหลอมรวมของintelligence of nature, intelligence of man และ intelligence of machine
ที่จริงการหลอมรวมดังกล่าว อาจนำไปสู่จิตที่มีพลังด้านลบก็ได้ ด้านบวกก็ได้ “จิตใหญ่” หมายถึงพลังด้านบวกเท่านั้น แต่การบอกว่าผลใดเป็นด้านลบ ผลใดเป็นด้านบวก เป็นเรื่องซับซ้อนมาก มีหลายมิติ หลายชั้น และยังขึ้นกับค่านิยมในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในหลายกรณีเกิดจิตของส่วนรวมที่ “เห็นกงจักรเป็นดอกบ้ว” และก่อวิกฤติสังคมหรือวิกฤตโลกขึ้น ดังกรณีสงครามโลกครั้งที่ ๒ และมีนักวิชาการจำนวนมาก บอกว่าระบบเศรษฐกิจ และการเมืองที่โลกใช้อยู้ในปัจจุบัน เข้าข่าย “เห็นกงจักรเป็นดอกบ้ว” เพราะมันสร้างความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในบทที่ ๓ The Functional Elements of Collective Intelligence ผู้เขียนบอกว่า “ความฉลาดร่วม” (collective intelligence) เกิดจาก “ขีดความสามารถ” (capabilities) หลายด้านประกอบกัน ได้แก่ การรับรู้ (seeing), การวิเคราะห์ (analyzing), การจดจำ (remembering), และการสร้างสรรค์ (creating) ซึ่งผมตีความว่า ต้องเป็น “ขีดความสามารถร่วม” (collective capabilities) ของสังคมวงกว้าง ที่ระบบการศึกษา หรือการเรียนรู้ ตลอดชีวิต ต้องเอื้อให้เกิดแก่คนทุกคน
การสร้าง “ขีดความสามารถร่วม” นี้ ต้องการวิธีการที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่หลากหลาย และวิธีการจัดระบบที่แตกต่างหลากหลาย โดยต้องไม่ลืมว่า แต่ละองค์ประกอบของปัญญา ต้องการพลังงาน (energy) และเวลา (time) คือไม่ได้มาฟรีๆ ต้องลงทุน
เขาระบุองค์ประกอบที่ทำให้เกิดการคิดและกระทำร่วมกัน (collective thinking, collective action) ๑๐ ประการคือ
โปรดอย่าลืมว่า ทั้ง ๑๐ องค์ประกอบนี้ มี machine intelligence อยู่ด้วย
ผมเคยเขียนบันทึกเรื่องจิตใหญ่ไว้ที่ (๒) และมีผู้เขียนเรื่องจิตใหญ่ใน Gotoknow ที่ (๓) (๔) ผมขอแนะนำให้อ่านบันทึกของ อ. หมอสกล สิงหะที่ (๓) เป็นข้อสะท้อนคิดเรื่องจิตใหญ่ที่ดีมาก เน้นที่มิติของความเป็นมนุษย์
วิจารณ์ พานิช
๖ เม.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น