วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ผมไปร่วมประชุมคณะกรรมการรางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในฐานะประธานคนใหม่ เนื่องจากท่านประธานคนเดิมคือ ดร. ทองอยู่ แก้วไทรฮะ ลาออก สถานที่ประชุมคือ อาคารมูลนิธิ พอสว. ยศเส
กรรมการชุดนี้มี ๑๙ คน วันนี้มาประชุม ๑๑ คน พร้อมคณะทำงานอีกจำนวนหนึ่ง
รางวัลนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ข้อ คือ
ความชัดเจนจำเพาะอยู่ที่เป้าหมายครูที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการคัดเลือก ดังต่อไปนี้
วันนี้เราตัดสินรางวัลครูเจ้าฟ้าฯ รุ่น ๑๒ จำนวน ๙ คน เป็นครูในสังกัดโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ๓ คน สังกัด กศน. ๓ คน และสังกัด สพฐ. ๓ คน ฟังเรื่องของครูเหล่านี้แล้วผมน้ำตาไหล ซาบซึ้งในความทรหดอดทน และความมุ่งมั่นทำประโยชน์แก่ผู้อื่น
พิธีมอบรางวัลตามปกติจัดวันที่ ๖ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ปีนี้ต้องเลื่อนออกไป เพราะวิกฤติโควิด ๑๙
ในการทบทวนน้ำหนักของเกณฑ์ในการคัดเลือก คุยกันว่าให้ดูที่ (๑) ผลงานที่มีผลกระทบต่อตัวเด็ก และต่อชุมชน (๒) กระบวนการทำงานที่แสดงว่า “ครูที่ยิ่งกว่าครู” คือทำประโยชน์ต่อนักเรียนและชุมชนในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ด้วย (๓) สภาพที่ทำงานมีความกันดารและห่างไกล
ที่จริง คณะกรรมการชุดนี้ทำงานเบา เพราะมีคณะทำงานชุดหนึ่ง นำโดยคุณวัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ เป็นหน่วยทำงานหนัก ไปเยี่ยมครูที่ได้รับการเสนอชื่อ และอยู่ใน short-list เพื่อไปเห็นสภาพการทำงาน ผลงานจริงๆ โดยไปคุยกับชาวบ้านและศิษย์เก่าของครูที่ได้รับการเสนอชื่อด้วย เป็นการทำงานที่ทรหดยิ่ง และเป็นการทำงานอาสาที่ไม่มีสิ่งตอบแทนเลย ยกเว้นความอิ่มใจ ที่ได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม และพระบรมราชวงศ์
อ่านข่าวพิธีแจกรางวัลครูเจ้าฟ้าฯ รุ่นที่ ๑๑ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ที่ (๑) ผมได้ไปเยี่ยมครูเจ้าฟ้าฯ ๒ คนที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และเล่าไว้ที่ (๒)
วิจารณ์ พานิช
๑๖ มี.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น