ทุกบ้านมีต้นไม้ มากบ้างน้อยบ้างตามบริบท ซึ่งถ้าเก็บกวาดเก็บไว้ไม่นำไปเผา ก็เชื่อว่าไม่นานนักจะได้กองใบไม้กองใหญ่ หามุมสุมไว้ให้เป็นสัดส่วนไม่กระจัดกระจาย
หลายบ้านอาจมีนับสิบต้น หรือเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ยืนต้นที่ปลูกไว้เป็นร่มเงา จะได้กองใบไม้รวดเร็วทันใจ สำหรับกิจกรรมทำปุ๋ยหมักภายในบ้าน..
งานอดิเรกง่ายๆและได้ประโยชน์ ในช่วงที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ เหมือนได้ลี้ภัยโควิด ๑๙ ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้อิสรภาพคืนมา
กาลเวลาที่ผ่านไป..อาจได้ทบทวนถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย ภัยใกล้ตัวเริ่มรุนแรง ฉุดคร่าชีวิตมนุษย์นับหมื่นนับแสนคน ยิ่งกว่าสงครามเสียอีก..
ความรู้สึกเหมือนว่า..โลก..กำลังจะเยียวยาตัวเองด้วยการกลับสู่สามัญ กวาดล้างความสกปรกรกรุงรังออกจากผืนแผ่นดิน ถิ่นที่อยู่อาศัยของคนเรากำลังจะเปลี่ยนไป..
การเยียวยา..น่าจะเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ที่จะช่วยกันประคับประคองให้โลกใบนี้สวยงามและน่าอยู่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้คนแต่ละชาติแต่ละภาษาจะคิดอ่านกันอย่างไร?
บทเรียนที่กำลังได้รับ..ยังมิได้บ่งบอกว่าสายเกินไป..แต่ถ้ามีโอกาสแล้วไม่ทำอะไรเลย..วิกฤติจะถาโถมเข้ามาอีกและยากจะเยียวยา..
แค่คิดว่า..ดินป่วยหรือดินเสื่อมสภาพ อากาศเป็นพิษ มลพิษทางน้ำ เท่านี้ก็บั่นทอนกำลังกายกำลังใจมิใช่น้อย..ทำอย่างไร?ภัยธรรมชาติแบบนี้จะค่อยๆหมดไป..
ตราบใดที่เรายังต้องการอาหารประทังชีวิต พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เราปลูกหรือซื้อมาจากตลาด..จึงต้องเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และปลอดสารเคมี
จึงต้องเรียนรู้วิธีการทำ “ปุ๋ยหมัก” เพื่อบำรุงดินให้มีธาตุอาหารสำหรับพืชผักและต้นไม้ ผลพลอยได้คือการลดภาวะโลกร้อน อย่างที่ไม่ต้องสงสัย
กระบวนการทำงานที่เป็น “คำสอนของพ่อ” ให้พากเพียร อดทน และไม่ติดตำรา..ตลอดจนอย่าอ้างปัญหาอุปสรรค..ไม่มีสิ่งใดยากเกินการเรียนรู้
บางครั้ง..อาจไม่ต้องเปิดตำรา จะนำพาให้สับสนและเบื่อหน่าย ใช้การศึกษาด้วยตนเองหรือสอบถามผู้รู้..กูเกิล.ก็เป็นครูของเราได้เหมือนกัน
การทำปุ๋ยหมักมีสูตรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้และกระทรวงเกษตรฯ แต่ผมก็ยังนึกถึงคำพูดของ คุณโจน จันได ที่ให้ทำปุ๋ยหมักอย่างง่าย ตามวัสดุที่พอหาได้ในท้องถิ่น..
แล้วถ้าผู้คนในเมืองไม่มีวัสดุและลงมือทำไม่ได้ ผู้คนในชนบทที่มีโอกาสมากกว่า ทำได้เองและพอใช้ มีมากพอที่จะจำหน่าย ก็ไม่ควรตั้งราคาที่แพงมากเกินไป
หัวใจสำคัญอยู่ที่การมีเครือข่ายหรือมีส่วนร่วมในการเยียวยาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สดใสมากขึ้น..ซึ่งหมายความว่า..เราจะไม่อยู่แบบตัวใครตัวมันอีกแล้ว..
จึงขอแนะนำวัสดุเท่าที่รู้จักและพอหาได้ เช่น มูลวัว น้ำหมักชีวภาพ พด.๑ เพียงเท่านี้ก็สามารถทำปุ๋ยหมักได้แล้ว ที่เหลือคือการลงทำและเอาใจใส่..เท่านั้นเอง
น้ำหมักชีวภาพ..หากไม่มี ก็ลองทำดู เผื่อจะได้ทำเก็บไว้ใช้ได้นานๆ เริ่มจากการซื้อหัวเชื้อประมาณ ๑ ลิตร จากนั้นนำมาหมักใส่กากน้ำตาลผสมน้ำขยายได้อีกหลายขวด
พด.๑..นำมาผสมน้ำคนให้เข้ากัน จะมีส่วนช่วยย่อยใบไม้ได้เร็วขึ้น ไม่มีจำหน่าย โดยมากจะขอจากสำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัด..แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
ผมประหยัดมูลวัวโดยนำมูลวัวผสมกับดินร่วน แล้วหว่านไปบนกองใบไม้ เวลาราดรดด้วยน้ำผสมน้ำหมักชีวภาพหรือน้ำที่ผสมด้วย พด.๑..จะรู้สึกว่ากองใบไม้ชุ่มชื้นดี
ขั้นตอนมีเท่านี้เอง..ต่อไปก็คงต้องรดน้ำกองใบไม้ทุกวัน และทุก ๗ วันควรรดกองใบไม้ด้วยน้ำหมักชีวภาพ เพื่อให้กระบวนการทำปุ๋ยหมักมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น...
เราอาจจะต้องลี้ภัยโควิดไปอีกนาน..ในระหว่างนี้ก็ควรสร้างงานที่มีคุณค่า และเชื่อว่าจะได้ใช้ประโยชน์ภายในบ้าน ซึ่งเราน่าจะต้องปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ด้วยตนเอง
ดีกว่าการสุ่มเสี่ยงเดินทางออกไปนอกบ้าน..วันนี้ก็ลองหาเวลาทำปุ๋ยหมักในแบบอย่างที่เรียบง่าย..แต่ขอให้ทำด้วยใจรัก..
“เพราะว่าอะไรที่ทำด้วยใจ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มันก็ดีทั้งนั้น..”
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๖ เมษายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น