ช่วงหน้าหนาวในเดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ (ซึ่ง กทม. ไม่หนาวซะเลย) คิดว่าน่าจะไปแอ่วเหนือซักปี ไปท่องเว็บท่องเที่ยวเว็บหนึ่ง โปรแกรมน่าสนใจสุด ๆ เพราะไปเที่ยว Unseen Thailand ตั้ง 5 แห่ง เลยชวนวรรณา (พี่อ้อ) ตัวจ้อยไปแอ่วเหนือ อยากสัมผัสลมหนาวของภาคเหนือว่าเป็นไง รวบรวมสมัครสมาชิกได้ 4 คน ตกลงและจ่ายตังค์ไปเที่ยวช่วง 8 - 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา (หยุดยาวด้วย)
การเดินทางต้องไปขึ้นรถโค้ชที่แถวบางซื่อ ตามกำหนดการออกเดินทาง 19.00 น. แต่ก็ต้องสายจนได้เพราะมีคนคู่หนึ่งที่ไม่มีวินัยในตัวเองซะเลย มาสายตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง สรุปเลยต้องออกเดินทางกันประมาณ 19.30 น.
ไกด์ทัวร์นี้อายุยังไม่มาก แต่ก็บริการดีมาก (บางทีก็มากเกิน) เรานอนกันตลอดคืนบนรถ (ซึ่งไม่ค่อยจะสบายนัก) และไปกินข้าวต้มรอบดึก (24.00 น.) ที่นครสวรรค์ ก็เป็นข้าวต้มกับกับข้าว 2 - 3 อย่าง กินกันได้ไม่มากเพราะไม่คุ้นกับการกินดึกและอยากนอนมากกว่า ตื่นอีกทีเช้ามืดก็ถึงเชียงใหม่แล้ว รถโค้ชจอดที่โรงแรม The Park ให้กินข้าวเช้า (แบบบุฟเฟ่ต์) ในโรงแรม จากนั้นก็แปรงฟันล้างหน้าล้างตากันในโรงแรม (โชคดีนะที่ก่อนออกเดินทางอาบน้ำไปก่อนแล้ว ไม่งั้นต้องซักแห้ง) จากนั้นออกเดินทางไปชมงานพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ
ไปถึงประมาณ 9.00 น. คนเยอะมาก แดดก็แรงแต่อากาศไม่ถือว่าร้อน ให้เวลาครึ่งวัน ก็ประมาณ 3 ชม. เดินดู เข้าไปจุดหมายแรกคือ หอคำหลวง เก็บภาพได้พอสมควร สวยงามมาก คนแห่กันเข้าไปชมเยอะ
หอคำหลวง (ถ่ายไกลไปนิด)
จากนั้นได้ไปดูสวนนานาชาติ แน่นอน สวนแรกคือสวนเนเธอร์แลนด์ ดูทิวลิปที่เพิ่งนำมาลงได้ไม่กี่วัน ทิวลิปสวยมากมีหลายสีแต่กว่าจะได้รูปก็ต้องซูมและเบียดผู้คนมหาศาลเข้าไปถ่าย ทางงานกันที่ให้ถ่ายรูปไกลพอสมควรมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
สวนทิวลิป
จากนั้นก็ เดินดูผ่าน ๆ ตามสวนประเทศต่าง ๆ สวนประเทศภูฎานถึงขนาดคนเข้าคิวชมจึงขอบาย เดินดูแค่ไม่กี่จุดก็ต้องออกเพราะหมดเวลาและร้อนสุด ๆ ออกจากที่นี่ก็ได้ตุ๊กตามาสคอตติดมือมา 2 ตัว (ตัวเล็ก 230 บาท ตัวใหญ่ 399 บาท)
ออกเดินทางไปกินข้าวและไปต่อที่น้ำพุร้อนโป่งเดือด (unseen ที่ 1) จุดนี้เปลี่ยนจากรถโค้ชเป็นรถตู้ได้ 5 คัน เราอยู่คันที่ 3 (คันนี้มีวินัยกันมากเพราะตรงต่อเวลาทุกครั้ง) ต้องเดินเข้าไปจากปากทางอีก 300 เมตรจึงจะเจอน้ำพุ ควันจากบ่อเยอะมากแต่น้ำพุพุ่งไม่สูงเท่าไหร่ เพื่อนบอกว่าที่สันกำแพงพุ่งสูงกว่านี้ ลองดม ๆ กลิ่น กลิ่นของน้ำคล้าย ๆ กลิ่นไข่ต้ม พี่อ้อบอกว่าเป็นกลิ่นกำมะถัน หินในน้ำรอบจุดที่พุ่งจะเป็นสีดำ เลยชักภาพมาให้ดูกัน
น้ำพุที่โป่งน้ำเดือด
อีกรูป
แวะที่นี่ไม่นานก็ต้องขึ้นรถเพื่อไปขึ้นห้วยน้ำดัง (ทริปนี้อยู่บนรถเยอะมาก) ไปถึงก็ช่วงเย็นพระอาทิตย์เริ่มจะตกดินแล้ว อากาศเย็นมาก ๆ ถึงหนาว ทิวทัศน์สวยงามมากมองเห็นทะเลหมอก ไม่แปลกอะไรเลยที่มีคนตั้งเต้นท์พักที่นี่หลายหลัง บรรยากาศเหมาะกับคู่รักหวานแหวว
พระอาทิตย์ยามอัสดง
บรรยากาศของห้วยน้ำดัง
คณะทัวร์อยู่ดูพระอาทิตย์ตกดินแล้วจึงเดินทางไปทานข้าว ก่อนกลับที่พักได้ไปช้อปปิ้งที่ตลาดปาย ตลาดที่นี่เขากันว่าต้องกินโรตีให้ได้เพราะอร่อยมาก เราไปซื้อโรตีก็รอนานจนความอยากแทบจะหมด แต่พ่อค้าอารมณ์ดีมากทั้ง ๆ ที่ลูกค้าเยอะเต็มร้าน ได้กินก็อร่อยดีพอ ๆ กับกรุงเทพฯ การเดินตลาดปายนี้ก็ได้ของขวัญปีใหม่มาแจกที่ office ซะเลย ตลาดนี้ฝรั่งเดินเยอะมาก เก็บบรรยากาศมาฝากกัน
บรรยากาศตลาดปายยามค่ำคืน
คืนนี้พักที่ท่าปายสปา แคมป์ปิ้ง (click) ห้องเป็นห้องพัดลมแต่ก็นอนสบาย เพราะเหนื่อยมากับการเดินทางทั้งวันทั้งคืน เลยหลับเป็นตาย
พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกผจญภัยกันต่อตามโปรแกรมที่แน่นเอี้ยด รออ่านตอนหน้าค่ะ
15 ธ.ค.49
แหมอิจฉาจังคะ..อยากไปบ้าง แต่ช่วงนี้ชีวิตผกผันต้องรีบทำงานหัวโต....แต่ปีใหม่ส้มจี้ดคงมีอะไรดีๆ มาเล่าให้คุณ happier ฟังบ้าง