คู่หูกุ้ง-ปูอัดผัดเขียวหวานแห้ง


ปูอัด ทำมาจากอะไร ใช่เนื้อปูหรือไม่ มีประโยชน์หรือโทษต่อร่างกายอย่างไร หลายคนคงเกิดความสงสัยและอยากได้คำตอบที่เกี่ยวข้องกับปูอัด ซึ่งเป็นส่วนประกอบในอาหารหลายชนิด เช่น สลัดปูอัด สลัดโรลปูอัด แซนวิชปูอัด เบอร์เกอร์ปูอัด ยำปูอัด ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เฟรนด์ฟรายปูอัด ฯลฯ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับปูอัดกันสักหน่อยนะคะ

ปูอัดไม่ได้ทำจากเนื้อปูอย่างที่เข้าใจกัน แต่ทำมาจากเนื้อซูริมิ (Surimi) หรือเนื้อปลาสีขาว เช่น ปลาทรายแดง ปลาอลาสก้า ปลากระพง ปลาดาบ ปลาตาโตและปลาชนิดอื่นๆอีกหลายชนิด เมื่อคัดเนื้อปลาได้แล้วก็นำมาบดละเอียด แล้วปั้นเป็นรูปต่างๆ ซึ่งโดยมากจะเป็นรูปแบบแท่ง แต่งสี กลิ่น และรสให้มีรสชาติชองปู ปูอัดหรือปูเทียมเกิดจากการที่ชาวประมงจับได้ปลาตัวเล็กซึ่งนำไปขายไม่ได้ จึงนำมาทำเป็นปูอัด ประเทศแรกที่คิดทำปูอัดหรือปูเทียมคือประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ปีค.ศ.1973 ส่วนผสมหลักของปูอัดคือเนื้อปลาบด (Surimi) นำมาเติมสารเติมแต่ง เติมกลิ่น และรสชาติ เช่น แป้ง ไข่ขาว น้ำตาล และเครื่องปรุงรสกลิ่นปู ปูอัดจึงประกอบด้วยเนื้อปลาคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาล ทำให้ปูอัดมีคุณค่าทางโภชนาการแต่ไม่เท่ากับเนื้อปูสด

ปูอัด 85 กรัม ให้พลังงาน 81แคลอรี่ และมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ ไขมัน 0.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 12.7 กรัม โปรตีน 6.5 กรัม  คอเลสเตอรอล 17 มิลลิกรัม โซเดียม 715 มิลลิกรัม วิตามินบี12 8%ของปริมาณวิตามินบี12 ที่ควรได้รับต่อวัน แมกนีเซียม 9%ของแมกนีเซียมที่ควรได้รับต่อวัน ฟอสฟอรัส 24%ของปริมาณฟอสฟอรัสที่ควรได้รับต่อวัน ซิงก์2%ของปริมาณซิงก์ที่ควรได้นับต่อวัน คอปเปอร์1%ของปริมาณคอปเปอร์ที่ควรได้รับต่อวัน ซิลีเนียม 27%ของปริมาณซิลีเนียมที่ควรได้รับต่อวัน

แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกว่าปูอัดเป็นอาหารเทียมที่เหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ปูอัดก็นับว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างหนึ่งเพราะทำจากเนื้อปลาบดปรุงรส นำไปนึ่งให้สุก แล้วแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพเนื้อปลา ดังนั้นจึงสามารถรับประทานปูอัดได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการปรุงสุกใดๆ หรือจะนำปูอัดไปทำอาหารต้ม ผัด แกงเพิ่มรสชาติก็ได้ วันนี้จึงนำปูอัดมาทำเมนู คู่หูกุ้ง-ปูอัดผัดเขียวหวานแห้ง รับประทานกับแกงจืดเต้าหู้หมูสับเยื่อไผ่ เป็นอาหารครัวครูแป๊วในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

หมายเลขบันทึก: 673630เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2019 12:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม 2019 12:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท