๘๐๒. Growth Mindset


Growth Mindset

หากพูดถึง คำว่า Mindset...สำหรับปัจจุบัน ดูเสมือนว่าเป็นคำ ๆ ใหม่ของมนุษย์...แต่ผู้เขียนได้ศึกษา โดยทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า "Mindset" แล้ว ย้อนกลับมาดูตัวของผู้เขียนเอง ดูจากประสบการณ์ ประวัติชีวิตตั้งแต่ชีวิตในวัยเยาว์ วัยเรียน วัยทำงาน จนกระทั่งมาถึงวัยในช่วงบั้นปลายของชีวิตของผู้เขียนเอง...ทำให้ทราบว่า "สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านตัวของผู้เขียนมานั้น นั่นคือ Mindset ของผู้เขียนเอง Mindset หรือ กระบวนการทางความคิด มีความสำคัญไม่น้อยกว่าคำว่า "นิสัย" หรือความสามารถเลย...

Mindset เป็นตัวแยกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตออกจากคนที่ยังไม่รู้ แม้แต่ความฝันของตนเองนั้น คืออะไร?...เมื่อตอนที่ผู้เขียนยังเป็นเด็ก ๆ คุณครูถามว่า "โตขึ้น อยากเป็นอะไร?"...ตอนนั้น ผู้เขียนยังคง "มึน ๆ งง ๆ"...แต่ตอบออกไปว่า "อยากเป็นคุณหมอบ้าง คุณครูบ้าง แอร์โอสเตสบ้าง ฯลฯ"...ตอบตาม ณ สถานการณ์นั้น ๆ ที่เกิดความอยากเป็น โดยที่ไม่ได้ทราบมาก่อนว่า ณ ขณะนั้น นั่นคือ "Mindset" ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นของผู้เขียนเอง...แต่ ณ ขณะนั้น สิ่งที่แฝงในความคิดของผู้เขียนเอง นั่นคือ "ยังไม่รู้เหมือนกันว่า โตขึ้น เรียนจบแล้ว จะได้เป็น ดั่งที่คิดไว้หรือเปล่า? เพราะสิ่งที่หวังไว้นั้น รายทางที่ผู้เขียนต้องเดินผ่านไปนั้น จะผ่านอะไรไปบ้าง? จะได้เป็นดั่งที่คิด หรือฝันเอาไว้หรือไม่" นี่คือ Mindset ของผู้เขียนเอง ณ ขณะนั้น สิ่งที่อยู่ในเบื้องลึก ณ ขณะนั้น คือ "ทำทุกขณะ ณ ปัจจุบันที่ทำลงไป ไม่ว่าการเรียน ตั้งใจเรียนให้เต็มที่ ตั้งใจทำให้เต็มกำลัง แค่นี้จริง ๆ และไม่ทราบว่าผลในอนาคตข้างหน้านั้นจะเกิดผลเช่นไร"

สิ่งที่เกิดขึ้นใน Mindset ของผู้เขียนเอง คือ การตั้งใจในทุก ๆ ครั้ง ที่เริ่มกระบวนการคิด...ตั้งใจจริง ๆ ที่จะกระทำ มีการแยกแยะ คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ว่าสิ่งใดควร ไม่ควร ดี ไม่ดี ให้มาก ๆ...สิ่งที่ผ่านมาในชีวิต คือ ประสบการณ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้เขียนทราบว่า นั่นคือ Mindset ของผู้เขียน โดยต้องตระหนักถึงสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ในการดำรงชีวิต ได้แก่

  1. เป็นคนที่ยอมรับกับการปรับเปลี่ยนเสมอมาโดยนำมาใช้กับชีวิตของผู้เขียนเอง มีความตระหนักรู้อยู่เสมอ ๆ ว่า กาลเวลาปรับเปลี่ยน หมุนเวียนไปเสมอ ๆ มิได้หยุดนิ่ง สิ่งสำคัญที่ทราบ คือ เรื่องของการพัฒนา การพัฒนา คือการทำให้ดีขึ้น และมิได้กล่าวหากับสิ่งที่ผ่านมาในอดีตว่า มิได้พัฒนา เพราะการพัฒนาในความคิดของผู้เขียน คือ การทำให้ดีขึ้น ในแต่ละเหตุการณ์และสถานการณ์นั้น ย่อมมีเหตุ ปัจจัย ซึ่งแตกต่างกันเสมอ มิจำเป็นที่ต้องมีเหมือนกันทั้งหมดเสียเลยทีเดียว จึงทำให้เข้าใจถึงระบบของการพัฒนามากขึ้น...อีกเรื่อง คือ เป็นผู้ที่ไม่ต้องการเป็นผู้ที่ต้องไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น...และประสบการณ์ที่ผ่านมา มีความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ และเป็นอยู่ เพียงเท่านี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว มิจำเป็นต้องนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือใคร ๆ...มีความรู้จักกับ คำว่า "พอ"

2. มีความคิดอยู่เสมอว่า มนุษย์เราทุกคน ไม่มีใครที่จำเป็นที่จะต้อง Perfect แต่มีความคิดว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้ทุกเรื่องดีที่สุดเท่านั้น มีความคิดว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อความสมบูรณ์แบบ แต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น...จะเป็นคนที่ชอบแก้ไขปัญหาเรื่องที่กล้าเผชิญกับความท้าทาย...กล้าที่จำลงมือทำเรื่องใหม่ ๆ จากความรู้ ประสบการณ์ในการทำงาน กับชีวิตที่ผ่านของเรามาเป็นครู และลงมือปฏิบัติมากกว่าที่จะไม่กล้าที่จะทำ...เรียกว่า "เป็นคนที่มีความกล้าพอที่จะลงมือทำให้ทุกสิ่งดียิ่งขึ้น" มากกว่า

3. เป็นผู้ที่ไม่เคยคิดเลยว่า งานทุกอย่างจะ “ไม่สำเร็จ ทำไม่ได้”...ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะไม่อยู่ในความคิดของผู้เขียนเลย จะคิดเสมอว่า หากมีเรื่องให้เราต้องเผชิญ ตัวเราต้องทำให้สำเร็จ แก้ไขปัญหาให้สำเร็จ มิเคยย่อท้อต่อการกระทำนั้น ๆ จึงเป็นสาเหตุให้ผู้เขียนกล้าที่จะลงมือคิด ลงมือทำ เมื่อทำแล้ว จะเห็นถึงความสำเร็จ และผลของการลงมือทำว่า ตัวเราเองก็สามารถแก้ปัญหาได้ กระทำได้ หลักฐานที่พบ นั่นคือ ความสำเร็จของเรื่อง ของงานที่แสดงออกถึงผลของความสำเร็จนั้น ๆ

4. ไม่เป็นคนที่กลัวความผิดพลาด...เพราะในความคิดของผู้เขียน คือ การผิดพลาดในทุก ๆ เรื่อง จะแสดงออกถึง ความเป็นครูสอนตัวเราเองเสมอ ๆ ว่า เมื่อเรื่องนั้นผิดพลาดแล้ว คราวต่อไป ตัวเราจะต้องระมัดระวังอยู่เสมอ ๆ อย่าให้เกิดขึ้นอีก ควรระวังเอาไว้ เพราะไม่ควรให้ผิดพลาดซ้ำสอง ไม่เป็นผู้ที่อยู่ใน Comfort Zone ของตนเอง กล้าที่จะออกจาก Comfort Zone กล้าที่จะเผชิญสิ่งที่ท้าทาย ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการทำงาน กล้าที่จะไปสอบเข้ารับราชการ กล้าที่จะออกจากบ้าน กล้าที่จะจากครอบครัว จากลูก ๆ เพื่อไปทำงานหารายได้เพื่อเลี้ยงครอบครัว...แต่ในความกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ได้นั้น ตัวผู้เขียนจะมีความระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ คิดเสมอ ๆ ว่า จะกระทำแต่สิ่งดี ๆ ไม่หลบ หลีก หนีต่อปัญหาและ อุปสรรค มีความกล้าที่จะแก้ไขปัญหา และอุปสรรคในทุก ๆ เรื่อง มิเคยกลัวที่จะต้องอยู่ใน Comfort Zone เท่านั้น ตลอดชีวิตที่ออกมาได้ มาจน ณ ปัจจุบันนี้ เรียกได้ว่า นี่คือ "ความสำเร็จในชีวิตของผู้เขียนเอง"

5. ผู้เขียนเป็นคนที่ไม่ใส่ใจ และสนใจความคิดของผู้อื่น กับคำพูดเลวร้ายของผู้อื่นที่พูดเพื่อป้ายร้ายแก่คนอื่น และตัวของเราเอง...และจะไม่เป็นคนที่พูดในทางที่ไม่ดีกับผู้อื่น ไม่จำเป็นจะไม่พูด พยายามเก็บวาจา ปิดปากไม่พูดเรื่องแย่ ๆ หรือเสียหาย เพราะหากพูด จะเป็นตระหนักรู้อยู่เสมอ ๆ ว่า พูดไม่ดีไปแล้วจะทำให้คนอื่นเขาเสียใจ และเสียหายได้ คิดเสมอ หากในมุมกลับกัน ถ้าเป็นเรา คนอื่นพูดร้ายต่อเราเองก็เหมือนกัน เราก็จะได้รับความเสียหาย ไม่จำเป็นจึงไม่ควรพูดถึงเรื่องไม่ดี...ซึ่งในความคิด ๆ ว่า บนโลกมนุษย์จะมีทั้งคนดี และไม่ดี คนหวังดีและไม่หวังดีอยู่...ขึ้นอยู่กับตัวของเราเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพื่อไม่ให้ตัวเราเองและผู้อื่นนั้นเกิดความเดือดร้อน

              สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น คือ Mindset กระบวนการความคิด ที่ผู้เขียนนำมาใช้ตลอดในชีวิตของการทำงาน และการใช้ชีวิตตลอด ๕๗ ปีที่ผ่านมา...ขึ้นอยู่กับตัวของเราเองว่า จะมีความคิดเช่นไร เพราะกระบวนการทางความคิดของแต่ละคนนั้น มีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะมีความคิดเช่นไร...เพราะผู้เขียนคิดว่า ทั้ง ๕ ข้อข้างต้นนั้น ทำให้ผู้เขียนประสบผลสำเร็จในชีวิต ด้านต่าง ๆ จนมาเป็นผู้เขียนได้ในวันนี้ สิ่งสำคัญ คือ การน้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้า "หลักธรรม" คำสอนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของผู้เขียนเอง จะทำให้ผู้เขียนเข้าใจธรรม เข้าใจโลก เข้าใจมนุษย์ในแต่ละคนมากยิ่งขึ้น เพราะนี่คือ Growth Mindset ของผู้เขียนเอง...ปัจจุบัน ก็กำลังสอนลูก ๆ และหลาน ๆ อยู่เช่นกัน

********************************************

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้

บุษยมาศ  แสงเงิน

๘ ธันวาคม ๒๕๖๒

หมายเลขบันทึก: 673627เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2019 11:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม 2019 11:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท