KM กับวิทยาศาสตร์ศึกษา
ในการประชุม Thailand - US Education Roundtable ครั้งที่ 3 เรื่อง Science Education & Higher Education in Thailand and the United States ที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ การประชุมวันที่ 2 ห้อง 2 ที่ผมเข้าร่วมเมื่อวันที่ 8 พ.ย.48 มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนกันสนุกมากและได้ประโยชน์มาก เราได้เรียนรู้สภาพความเป็นไปในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อมองในภาพรวมและภาพเคลื่อนไหวเปรียบเทียบกับประเทศเด่น ๆ ก็อยู่ในสภาพที่น่าวิตก มีคนบอกว่าหัวใจอยู่ที่สถานะของครู ฟินแลนด์อยู่อันดับ 1 ก็เพราะว่าเวลาถามเด็กเก่งว่าอยากเรียนอะไร อันดับ 1 คือครู เพราะสังคมยกย่องและรายได้ดี
ใน 1.5 ชั่วโมงหลังของการประชุม มีการอภิปรายว่าในการประชุมครั้งที่ 4 จะคุยกันเรื่องอะไรดี หรือในระหว่างนั้นจะร่วมมือทำอะไรกันบ้าง
มีการพูดถึงประเด็นต่าง ๆ มากมายด้านการสอน เครื่องไม้เครื่องมือ ตำรา ผมจึงเสนอต่อที่ประชุมให้ลองคิดโดยเปลี่ยน paradigm ของการคิด คือไม่คิดแบบ problem - oriented แต่คิดแบบ success/best practice oriented เอาครู/อาจารย์ที่สอนวิทยาศาสตร์เก่งในบริบทต่าง ๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันว่าเขาคิดอย่างไร ทำอย่างไร มีทักษะสำคัญอะไรบ้างที่จะช่วยให้ทำได้ตามบริบทเหล่านั้น ก็จะเกิดการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ศึกษาครบทุกด้านที่พูดกันและเป็นการเรียนรู้อย่าง holistic
ที่จริงผมคิดว่าครูที่สอนวิทยาศาสตร์เก่งเขาไม่เน้นสอน แต่เขาเน้นการ facilitate การเรียนรู้ของเด็ก
แนวคิดแบบ KM นี้ ใช้ในประเทศไทยเราก่อนก็ได้ จะเป็นวิธีพัฒนา Science Education จากฐานดี ๆ ที่มีอยู่แล้ว ครูที่ทำงานเอาใจใส่การส่งเสริมศิษย์ให้เรียนแบบเรียนจากของจริง/จากการปฏิบัติ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ตามหลัก brain - based ก็จะได้รับการยกย่อง เกิดกำลังใจ และจะเป็นการพัฒนาครูวิทยาศาสตร์ที่ทำได้เร็วและกว้างขวาง โดยเอาผู้ปฏิบัติพัฒนาผู้ปฏิบัติด้วยกันเอง มีนักการศึกษาและนักวิทยาศาสตร์เป็น "คุณอำนวย"
การอภิปราย บรรยากาศการประชุม
ประธานการประชุม
วิจารณ์ พานิช
9 พ.ย.48
ไม่มีความเห็น