บ่ายออกจาก ภุเขาซองอัค พวกเราไปไหว้พระ ณ #วัดซันบังโพมุนซา (SANBANGSAN BOMUNSA TEMPLE) วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาซันบังหันหน้าออกสู่ทะเล ไม่ได้ขึ้นไปหลบร้อน เพราะช่วงมิถุนายน - สิงหาคม เป็นฤดูร้อนของที่นี่ แวะร้านไอศกรีม สั่งไอศกรีมอร่อย ๆ ชิมคลายร้อน
ประมาณ 15.30 น. แวะไปเยี่ยมชมสวนพฤกษชาติ Camellia Hill บนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ดื่มด่ำความสวยงามของดอกไม้ ใบไม้สีสันสดใสซึ่งเบ่งบานตลอดปีในพื้นที่สวนกว้างขวางกว่า 20 เอเคอร์ สถานที่ที่สวยงามมากแม้ว่าจะไม่มีดอก Camellia และดอกไฮเดรนเยีย ให้ชมในเดือนสิงหาคม แต่ก็ดีที่ได้มีอากาศบริสุทธิ์
ที่น่าผิดหวังคาดว่าจะเห็นดอกคาเมลเลีย และดอกไฮเดรนเยีย ที่สวยงามแต่ก็ผิดหวังเพราะเป็นฤดูร่วงโรย แต่มีลูกคามาเลียมาให้ชมค่ะ
เที่ยวชมโน่นนี่ จนเหนื่อยอากาศร้อนแต่น้อยกว่าเมืองไทย ที่นี่ร้อนประมาณ 25-26 องศาเท่านั้น ดูผลการเที่่ยวในวันนี้ โห! วันนี้เดิน..เดิน.เผาผลาญไป 118 kcal. ที่เดินมากเพราะที่นี่เป็นเกาะและพื้นที่เป็นภูเขา รถเข้าไปไม่ได้ รถจอดด้านล่าง จากนั้นเราต้องเดินค่ะ แต่ก็ดีเป็นการออกกำลังกาย เพราะมื้อเย็น #หมูย่างเกาหลี กินกับเครื่องเคียงห่อด้วยผักซังชู ..(อาหารประจำชาติ) แต่ไม่มีหมูดำคุโรบูตะ มัคคุเทศก์ท้องภิ่นเขาบอกราคาแพงมาก
6 ของอร่อย ดีต่อใจ เกาะเชจู เกาหลีใต้
ใครที่ชื่นชอบอาหารเกาหลี คงจะรู้จักเครื่องเคียงหลักของอาหารเกาหลีอย่าง “กิมจิ” กันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะกินอาหารเกาหลีจานไหน สิ่งหนึ่งที่จะต้องวางเคียงข้างกันเสมอนั่นก็คือกิมจินั่นเอง จะว่าไปแล้ว “กิมจิ” นั้ถือว่าเป็นอาหารที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และเป็นการใช้ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้กินได้นานขึ้น โดยเชื่อกันว่ากิมจินั้นถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ในช่วงฤดูหนาวของประเทศเกาหลี เป็นช่วงที่อากาศหนาวจัด ไม่สามารถเพาะปลูกได้ จึงมีการคิดวิธีถนอมอาหารเพื่อให้สามารถเก็บผักไว้กินได้ในช่วงหน้าหนาวนี้ โดยการนำผักไปดองเค็มด้วยเกลือ แล้วหมักใส่ในไห ฝังดินเอาไว้ พอได้ที่แล้วถึงนำมากินแทนผักสดที่ไม่สามารถหาได้ในช่วงฤดูหนาว จากผักดองเค็มในยุคก่อน ต่อมาก็เริ่มมีการปรับปรุงสูตรให้มีรสชาติดีขึ้น และทำผักดองแบบนี้ไว้กินกันทั้งปี ซึ่งปัจจุบัน กิมจิมีอยู่เกือบ 200 ชนิด โดยจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นและสภาพอากาศ เรียกว่าใครมีวัตถุดิบอะไรก็นำมาทำกิมจิได้ วันนี้พวกเราได้กินกิมจิ 2 ชนิดแล้ว คือ กิมจิผักกาดขาว และกิมจิปลาหมึก อร่อยค่ะ
อิ่มแล้วก่อนเข้าที่พัก มัคคุเทศก์ท้องถิ่นพาไปชม ยงดูอัม ร็อค โขดหินมังกร (YONGDUAM ROCK) และ สะพานข้ามทะเลยงยอน (YONGYEON BRIDGE) ยงดูอัมร็อคที่มีลักษณะคล้ายกับหัวมังกร อีกหนึ่งในมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติของเกาะเจจู ซึ่งถือกันว่าถ้าหากใครไม่ได้มาเยือน ยงดูอัมร็อค เพื่อมาดูโขดหินมังกร ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะเจจู โขดหินมังกรแห่งนี้เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของคลื่นลมทะเล ทำให้มีรูปทรงลักษณะเหมือนหัวมังกร กำลังอ้าปากส่งเสียงร้องคำรามและพยายามที่จะผุดขึ้นจากท้องทะเล เพื่อขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นประติมากรรมที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์มา
นอกจากนั้นยังมีตำนานพื้นบ้านเล่าขานว่า เมื่อหลายพันปีมาแล้วมังกรตัวนี้กำลังจะไปเสาะหายาอายุวัฒนะที่ภูเขาฮัลลาซาน แต่ถูกยิงตกลงในทะเลเสียก่อน ต่อมาจึงได้กลายมาเป็นโขดหินแห่งนี้
ได้เวลากลับเข้าโรงแรมไปพักผ่อนกันแล้ว คืนนี้พวกเราพักที่ Jeju Ciel Bleu Hotel
잘 자요 (ชัล จา-โย) .ฝันดีนะ.
ไม่มีความเห็น