หลายคน...คงคิดว่าเป็นลูกชายของผม..ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ครูหนึ่ง..เป็นครูชายย้ายมาแทน”ครูหนึ่ง” หรือครูจงจิต ปรัชญพฤทธิ์ ที่ผมกำลังจะกล่าวถึง ซึ่งย้ายไปดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนบ้านตลุงเหนือ..ตำบลหนองประดู่ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี....
เกือบ ๕ ปีที่ครูหนึ่งปฏิบัติหน้าที่ที่โรงเรียนบ้านหนองผือ จากโรงเรียนใหญ่ที่สอนระดับมัธยมสู่โรงเรียนเล็ก..ครูหนึ่งปรับตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ผมมอบหมายให้สอนชั้น ป.๑ เพื่อวางรากฐานด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่ครูหนึ่งถนัด
ครูหนึ่ง..ย้ายมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตผม ในการบริหารจัดการทุกด้านของโรงเรียน..ก่อนหน้านี้..ผมจะไปต่ออย่างไร?..ในเมื่อจำนวนครูมีจำกัด หลักสูตรสถานศึกษาต้องปรับปรุง อาคารเรียนไม่เพียงพอ และงานนโยบายมากมายถาโถมเข้ามา..ตลอดจนงานพัฒนาคุณภาพผลสัมฤทธิ์ เป็นภารกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย..
อีกทั้ง..สุขภาพร่างกายของผมเริ่มทรุดโทรม “ครูหนึ่ง”ก็ไม่แตกต่างกับผมมากนัก ต้องพบหมอตามนัดปีละหลายครั้ง ครูหนึ่ง..ย้ายมาทันในช่วงที่ต้องทำการแทนผม ในช่วงที่ผมผ่าตัดสมองครั้งที่สอง..ซึ่งผมเชื่อว่าในวันที่ผมป่วย..ครูหนึ่งจะเข้าใจได้ว่าทำไม?..โรงเรียนจึงก้าวไปไม่ไกลและต่อไปผอ.จะทำงานหนักไม่ได้แล้ว
จริงๆแล้ว..โรงเรียนเล็ก..ไม่ต้องทำงานหนักก็ได้ แต่ปริมาณงานที่มากเป็นลำดับ แต่ครูเท่าเดิม และครูรุ่นใหม่ของโรงเรียนจะเริ่มต้นที่ครูผู้ช่วยเสมอ ยังขาดประสบการณ์ในงาน ผมจึงต้องเข้าไปร่วมด้วยช่วยทำ โดยเฉพาะการเรียนการสอน
ผมควรทำหน้าที่สอนงานครู..แต่ไม่เพียงพอ เพราะครู..เมื่อครบอายุราชการตามเกณฑ์ก็เขียนย้ายเพื่อกลับภูมิลำเนา ไปอยู่รวมกับครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวิถีทางราชการ..
ครูหนึ่ง..จบปริญญาโท (กศ.ม.) เอกบริหารการศึกษา จึงมีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย ทั้งงานวิชาการและการบริหารจัดการงานโรงเรียน ผมจึงมอบหมายเป็นพิเศษ..ให้ครูหนึ่งเป็นหัวหน้างาน/โครงการฯ เป็นหัวหน้างานวิชาการ..เป็นผู้ควบคุมดูแลงานการเงินทั้งระบบ เป็นที่ปรึกษาของผมและทำการแทนผม..ในวันที่ผมไปราชการ...
ผมบอกครูหนึ่ง..ให้ตัดสินใจได้ในหลายๆเรื่อง ผมจะไม่ขัดเคืองเพราะจะทำให้งานถูกต้องรวดเร็ว แต่ครูหนึ่ง..ก็จะทำตามขั้นตอนและปรึกษาผมก่อนทุกครั้ง..
ครูหนึ่ง..เป็นครูที่มีวุฒิภาวะสูง ทำงานในโรงเรียนขนาดเล็กไม่ถึงปี ก็สามารถปรับตัวและช่วยขับเคลื่อนงานได้อย่างมากมาย..พลิกผันโรงเรียนให้ก้าวพ้นวิกฤติ..บนพื้นฐานของความเข้าใจในตัวผู้บริหาร..และผมก็ใช้เวลาหมดไปกับงานพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ติดต่อประสานงานภาคเอกชน และช่วยสอนซ่อมเสริมภาษาไทยในทุกระดับชั้น ไม่มีวันว่างแม้แต่วันหยุดเสาร์อาทิตย์..
ครูหนึ่ง...สร้างปรากฎการณ์..สอนให้เด็กชั้น ป.๑ อ่านคล่องเขียนคล่องและลายมือสวย..เป็นพื้นฐานสำคัญมาถึงทุกวันนี้..ทำให้ผมมีขวัญและกำลังใจ ไม่ต้องเพ้อฝันด้านนโยบาย แต่ทำงานพัฒนาหลากหลายให้จริงจังและเป็นจริงขึ้นมาได้..
ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๖๒..ครูหนึ่ง..ย้ายไปอยู่ร่วมกับคู่สมรสเพื่อสะดวกในการเดินทาง ผมจึงต้องสำรวจตรวจสอบเอกสารเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน..พบเอกสารหลักสูตรฯ ที่ครูหนึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานปรับปรุงอย่างถูกต้องและเรียบร้อยเป็นปัจจุบัน..
ผมตรวจงานบัญชีการเงินของโรงเรียน..พบบัญชีเงินรายได้สถานศึกษา ที่เป็นนอกงบประมาณ เงินรายได้จากการจำหน่ายผักและไข่ไก่ ตลอดจนเงินบริจาคที่มีตัวเงินอยู่อย่างครบครัน...
ผมคิดถึง”ครูหนึ่ง” ทั้งที่ครูหนึ่งลูกชายผมก็ย้ายมาช่วยงานแล้ว ผมเข้าไปดูภาพในอัลบั้มของโรงเรียน..พบกิจกรรมสร้างสรรค์มากมายที่ครูหนึ่งริเริ่มไว้ อาทิ ค่ายลูกเสือ การเดินสวนสนาม ทัศนศึกษาและการตกแต่งบรรยากาศชั้นเรียน..
๑๗ พฤษภาคม..เปิดเรียนได้ ๒ วัน..ผมสอนซ่อมเสริมนักเรียนชั้น ป.๓ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าครูหนึ่ง..ผมให้นักเรียนเขียนเรื่องจากจินตนาการ จากการตรวจงานก็พบว่านักเรียนร้อยละ ๘๐ เขียนเรื่องได้ดี และลายมือสวยงาม ทำให้ผมศรัทธาในครูหนึ่งยิ่งขึ้น ในความเป็นครูที่มุ่งมั่นตั้งใจ และจริงจังในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง
วันนี้...ครูหนึ่งบริจาคข้าวสารให้โรงเรียนจำนวน ๒ กระสอบพร้อมอาหารแห้งอีก ๑ ลัง..และวันนี้..ผมได้รับเกียรติบัตรจากท่าน ผอ.เขต เป็นรางวัลในนามโรงเรียน..รางวัลค่าคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศชั้นป.๓ (NT) และชั้นป.๖ (Onet)
แม้ว่าครูหนึ่ง..จะไม่ได้สอนชั้น ป.๓ และ ป.๖..แต่ผอ.และครูในโรงเรียนทุกคน มิอาจปฏิเสธได้เลยว่า..ครูหนึ่งมีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือและผลักดันให้เกิดคุณภาพทางการเรียน..ให้เกิดขึ้นในโรงเรียนบ้านหนองผือ..
ผมจึงเขียนบันทึก..เพื่อส่งความปรารถนาดีให้”ครูหนึ่ง”มีสุขภาพแข็งแรง มีความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ..ขอขอบพระคุณ..ครูหนึ่ง..ครูผู้เป็นหนึ่งในดวงใจผม..ตลอดกาล
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒
ไม่มีความเห็น