โลกหมุนวน ตามกลกาล ผันแปรเปลี่ยน
เป็นวงเวียน วัฏฏะ มาหลายหน
โคจรรอบ อาทิตย์ ประดิษบ์กล
เกิดเวียนวน ฝนฟ้า อากาศแปร
ยามหน้าร้อน หน้าแล้ง ดินแห้งผาก
มวลพืชผัก กิ่งใบ ไหม้เป็นแผล
หญ้าแห้งเหี่ยว เกี่ยวพัน กันเป็นแพ
สัตว์ก็แย่ แพ้ภัย ในทุ่งนา
มองบนฟ้า ตามัว หัวแทบไหม้
เมฆกระจาย ไหลลอย ละห้อยหา
บางวันมืด เมฆฝน ปนลมมา
เสียงก้องฟ้า น่ากลัว ถึงหัวใจ
เมื่อคราฝน หล่นดิน ถิ่นแห้งแล้ง
ลมก็แรง แผลงฤทธิ์ เป็นนิสัย
พัดพาพืช กิ่งก้าน ลานกิ่งใบ
หักโค่นตาย จนไม้ผล หล่นสู่ดิน
บางท้องที่ มีพายุ ฤดูร้อน
ลูกเห็บก้อน หล่นลง ดุจดงหิน
พัดหลังคา บ้านเรือน ให้เคลื่อนบิน
จนพังภินท์ สิ้นท่า เคหาเรือน
อดีตกาล บ้านคน ปนกับป่า
ไม้ทำฝา ปะทะลม คอยข่มเฉือน
ไม้ไผ่ต้าน ทานลม ขย่มเรือน
เป็นเสมือน เพื่อนรัก ที่ภักดี
อีกประการ บ้านเรื่อน สมัยเก่า
เป็นไม้เสา เอาแก่น แน่นเต็มที่
กระดานปู อยู่ทน จนหลายปี
ฝาข้างตี ไม้แก่ แลมั่นคง
แต่บ้านใหม่ สไตล์นอก ถลอกง่าย
ปลูกสไตล์ ในเมืองงาม ตามประสงค์
ปูนหินทราย ใช้กระจก ตกแต่งกรง
ไร้ลานโล่ง ให้ลูกหลาน สำราญใจ
รอบขอบรั้ว ตัวเรือน ไม่เหมือนก่อน
ไม้ถูกถอน ตัดลง ประสงค์ใหม่
นำพืชดอก ไม้ออกลูก ที่ถูกใจ
ไม้ต้นใหญ่ ไผ่เป็นกอ ก็ไม่มี
ยามลมมา ฟ้าฝน บ้านโล้นโล่ง
บ้านจึงโปร่ง โล่งเตียน เมื่อเปลี่ยนที่
เปิดโอกาส วาตภัย ได้ทันที
เพราะไม่มี ป่าปก ไผ่ปกคลุม
ฟ้าลมฝน วนเวียน จำเนียรเนิ่น
วนเวียนเดิน ผ่านมา อย่าคิดกลุ้ม
หาทางป้อง ผองภัย ให้รัดกุม
เข้าใจมุม ธรรมชาติ ปราศภัยเอย
ไม่มีความเห็น