๙๒๗. พ่อจ๋า..ลูกจะเล่นดนตรีไทยให้ฟัง..หลับให้สบายนะ


ลูกสาวกอดผู้เป็นแม่..ด้วยน้ำตาแห่งการสูญเสียและโศกเศร้าในชีวิตของแม่ลูก ทำให้ทุกคนที่อยู่บนศาลานิ่งเงียบ บรรยากาศเยียบเย็น จนผมรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงขั้วของหัวใจ...

         บ่ายมากแล้ว..ผมเร่งทำงานโรงเรียนให้เสร็จ เพื่อนั่งรถไปกับลูกชายที่เพิ่งย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับผม เมื่อ ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา..

    ปลายทางอยู่ที่วัดการุ้ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี วัดอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนชุมชนบ้านเมืองการุ้ง โรงเรียนเดิมของลูกชาย

    ผมนั่งเงียบงันไปตลอดทาง ด้วยอาการที่บอกไม่ถูก เมื่อรถวิ่งเข้าเขตอำเภอด่านช้างจึงรู้สึกว่าต้องพูดอะไรบ้าง อย่างน้อยก็ต้องมีคำถามให้ได้คำตอบเพื่อคลายความสงสัย...

        ลูกชายเป็นคนขับ สายตาจับจ้องมองถนนข้างหน้า ท่าทางเหนื่อยอ่อนเหมือนกัน แต่ก็คงไม่เทียบเท่าผม ที่วิ่งซื้อวัสดุก่อสร้างให้ช่างทำห้องเรียนอนุบาลกับห้องสหกรณ์ควบคู่กันไป..จะได้แล้วเสร็จทันเปิดเทอม

        “ผอ.เขารู้ไหม ว่าลูกจะนำดนตรีไทยไปเล่นในคืนนี้”  ผมถาม     

        “รู้แล้ว ภรรยาผู้ตายเขาขอร้อง ผอ. และก็มาบอกให้ผมช่วย คืนนี้สวดคืนสุดท้ายโรงเรียนก็เป็นเจ้าภาพด้วย” ลูกชายบอกผม “ผอ.ยังให้ครูช่วยนัดเด็กในวงทุกคนมาพบกันที่โรงเรียนตอนหกโมงเย็น”

        “ลูกไม่ได้ฝึกซ้อมกันเลย จะเล่นได้หรือ” ผมถามเพราะความเป็นห่วง ลูกชายนิ่งเงียบ สีหน้าเป็นกังวลคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนตอบคำถามผม “งานศพ คงไม่เป็นไรหรอกพ่อ” ผมรับรู้และเป็นฝ่ายนิ่งบ้าง

        “เมื่อต้นเดือนก็พาเด็กไปงานถนนคนเดินที่จังหวัด..ก็ซ้อมเยอะเหมือนกัน คิดว่าเด็กคงยังไม่ลืมเพลง..” ลูกชายเอ่ยขึ้น เหมือนจะให้ผมมั่นใจ แต่ผมคิดว่าลูกชายพูดให้ตัวเองผ่อนคลายมากกว่า..

        เกือบหกโมงเย็น..รถขับเคลื่อนเข้าไปในโรงเรียน..มีเพื่อนครูมารอรับหน้าห้องดนตรีไทย นักเรียนหญิงชายครบวง กำลังขนวัสดุอุปกรณ์ดนตรีมารอรถที่เจ้าภาพจะมารับ..เมื่อนักเรียนเห็น”ครูหนึ่ง”ลูกชายผม ต่างดีใจและยกมือไหว้กันอย่างพร้อมเพรียง..

        ๑๘.๓๐ น. วงดนตรีไทยของโรงเรียน..ก็ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนศาลาสวดพระอภิธรรมของวัดการุ้ง ญาติพี่น้องที่มาคอยฟังสวดเริ่มทะยอยขึ้นมาบนศาลา

        ลูกชายนำผมไปกราบเคารพศพก่อนไปทำความรู้จักกับภรรยาผู้ตาย ที่อยู่ในวัยไม่ถึงสี่สิบปี สีหน้าท่าทางยังอยู่ในอาการเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด..

        ผมสังเกตจากการพูดคุยระหว่างลูกชายกับเจ้าภาพในงานสวดศพ ดูเหมือนลูกชายจะมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับครอบครัวของผู้ตายเป็นอย่างมาก

        จากนั้นผมก็เริ่มจะเข้าใจในทันที เมื่อทราบว่า..สามวันก่อนหน้านี้ ผู้ตายได้ทำงานในไร่ ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ จากนั้นก็เป็นลมหมดสติ แล้วก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย...

        “พี่เขารักลูกสาวมาก อยากให้เรียนดนตรีไทย” ภรรยาพูดถึงผู้ตาย ที่เป็นพ่อ..ของเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจบชั้น ป.๖ มือระนาดทุ้มประจำวงของโรงเรียนที่ลูกชายผมเป็นครูสอน

        “พี่ไปดูลูกสาวเล่นดนตรีไทยทุกงานเลยครับ บางงานยังช่วยหารถให้ผมและช่วยยกเครื่องดนตรีให้ด้วย” ลูกชายผมพูดถึงด้วยความเคารพและนับถือในความมีน้ำใจของผู้ตาย

        ผมเลิกแปลกใจแล้วว่าทำไม?..ลูกชายจึงตัดสินใจเดินทางมาไกลในค่ำคืนนี้ ด้วยระยะทางไปกลับกว่า ๒๐๐ กิโลเมตร มาในฐานะ “ครูเก่า” ที่เต็มใจกลับมาถิ่นเดิมที่เคยอยู่ เพื่อตอบแทนบุญคุณของโรงเรียนและผู้ปกครองนักเรียน..โดยเฉพาะครอบครัวนี้

        ลูกชายพานักเรียนไปทานข้าวที่โรงครัว ผมนั่งอยู่ที่เครื่องดนตรีแล้วมองไปยังรูปผู้ตาย พ่อของลูกศิษย์ครูหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าเครื่องตั้งในวัยสี่สิบปี ที่ผมเริ่มสังเกตเห็นว่ามีรอยยิ้มปรากฎอยู่บนใบหน้า..

        ได้เวลาที่นักเรียนจะได้เริ่มบรรเลงเพลง จึงเดินเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อซักซ้อมกับ “ครูหนึ่ง”ก่อนที่พระคุณเจ้าจะขี้นมาบนศาลาเพื่อสวดพระอภิธรรม

        ภรรยาผู้ตายลุกขึ้นเดินไปข้างๆโลงศพ เอามือลูบเบาๆที่ข้างโลง แล้วก้มหน้าเหมือนจะพูดออกมาเบาๆ ก่อนเงยหน้ามองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าระนาดทุ้ม

        ครูหนึ่งนั่งอยู่ในฆ้องวงใหญ่ ยังไม่ส่งสัญญาณให้บรรเลง บอกให้ลูกศิษย์มือระนาดทุ้มให้ลุกขึ้นไปหาผู้เป็นแม่..ที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างโลง

        ลูกสาวกอดผู้เป็นแม่..ด้วยน้ำตาแห่งการสูญเสียและโศกเศร้าในชีวิตของแม่ลูก ทำให้ทุกคนที่อยู่บนศาลานิ่งเงียบ บรรยากาศเยียบเย็น จนผมรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงขั้วของหัวใจ...

        ลูกสาวเอื้อมมือไปเคาะเบาๆที่โลงศพพ่อ..พร้อมอาการร่ำให้ ผู้เป็นแม่ค่อยๆจับแขนลูกสาวแล้วพยักหน้าให้ไปหาครูหนึ่งและเพื่อนๆที่รออยู่ในวง...

        นักดนตรีของโรงเรียนทุกคนพนมมือไหว้ครูอาจารย์..เสียงระนาดเอกดังกังวานเป็นต้นเสียง..เพื่อให้ระนาดทุ้มสอดรับจากนั้นเครื่องดนตรีทุกชิ้นก็ประสานเสียงเป็นบทเพลงแรก..ของคืนสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย..

        คืนที่ลูกสาว..ได้มีโอกาสบรรเลงเพลงไทยเดิมให้พ่อฟัง..เป็นค่ำคืนสุดท้ายเช่นเดียวกัน..น้ำตาที่ไหลรินร่วงหล่นบนผืนระนาด แต่เจ้าของดวงตายังจับจ้องอยู่บนใบหน้าของผู้เป็นพ่อ...

        “พ่อจ๋า..ลูกจะเล่นดนตรีไทยให้ฟัง..หลับให้สบายนะ” ผมรู้สึกและสัมผัสได้ในนาทีนั้น ถึงแม้ว่าเสียงเพลงจากเครื่องดนตรีไทย จะดังสักแค่ไหนก็ตาม..

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๖  เมษายน  ๒๕๖๒



         

       

       

       

        “

หมายเลขบันทึก: 661372เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2019 22:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2019 22:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คุณพ่อน้องคงดีใจ และรับรู้สิ่งที่น้องได้ทำแล้วล่ะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท