๙๐๘. การบวชอยู่ที่โรงเรียน..


อันนี้จะเห็นได้ว่า..หลักธรรมพื้นฐานที่นำมาใช้ในการบวชที่โรงเรียน..ล้วนมีความสอดคล้องกับ “ศาสตร์พระราชา” ทั้งสิ้น ถ้าได้ลงมือทำจริงๆ ก็สามารถเข้าใจและเข้าถึง..ธรรมะอีกหลายข้อทีเดียว

         ผมอ่านหนังสือธรรมสุขใจ ของท่านพุทธทาส เรื่อง การบวชอยู่ที่บ้าน อ่านแล้วก็เข้าใจทันทีว่า..การบวชที่บ้านก็ทำได้ แค่ระมัดระวัง และมีความตั้งใจจริง บางทีการบวชที่บ้านอาจได้ผลมากกว่าการบวชอยู่ที่วัด...

    หมายความถึง..การงานคือการปฏิบัติธรรมนั่นเอง อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้ทั้งนั้น..

    พอดี..ชีวิตช่วงนี้ของผมส่วนใหญ่ใช้เวลาหมดไปกับโรงเรียน..โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมที่จะมาถึงนี้..โรงเรียนมีงานที่ต้องสะสางมากมาย..

        หลายปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่า..ในระหว่างที่เปิดเรียน คือตั้งแต่พฤษภาคม จนถึงปลายปีการศึกษา หรือมีนาคม..งานการเรียนการสอน งานนโยบายต่างๆ การวัดและประเมินผล ตลอดจนงานทั่วไปของโรงเรียนและชุมชน

        ล้วนต้องใช้เวลาและต้องทำอย่างมากมาย แทบจะไม่มีเวลาทำ “โครงการในฝัน” งานที่ชอบและงานที่ใช่ ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมดีที่สุด...

        ผมจึงคิดเรื่อง “การบวชที่โรงเรียน” ใช้โรงเรียนเป็นสถานที่เรียนรู้และปฏิบัติธรรม  ใช้แหล่งเรียนรู้เป็นลานธรรม เหมือนนำตัวเองปลีกวิเวก..เพราะที่โรงเรียนช่วงปิดเทอมจะเงียบมาก

        หลักธรรม..ในการบวชระยะสั้นที่โรงเรียน..ราวๆ ๑ เดือน มี ๔ ประการที่ควรใช้เป็นหลักปฏิบัติ หากทำได้ก็ถือว่าการบวชประสบความสำเร็จ..กล่าวคือ..

        มีศรัทธา...เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนถือเป็นที่พึ่ง คือสิ่งที่ปฏิบัติอยู่นั้น เชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ และทำไปด้วยศรัทธา...

        มีวิริยะ..คือความกล้าหาญ ความพากเพียร ความบากบั่น สนุกสนานในการทำ เป็นสุขเมื่อกำลังทำ ไม่ต้องรอต่อผลงานที่ได้มา ได้ทำก็พอใจแล้ว ได้ความสุขโดยไม่ต้องเสียเงิน.. .

        มีสติ..เฝ้าระวังรักษาป้องกัน ไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในทางความรู้สึกนึกคิด ระลึกรู้อยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่..

        มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา.. คือความรู้อย่างถูกต้องชัดเจน ในสิ่งที่ต้องทำ อย่าให้ความอยาก เช่นกิเลสตัณหาเข้ามาแทรกแซง จะทำให้เสียงานเสียการ..

        บวชอยู่ที่วัด..ปฏิบัติและเรียนพระธรรมวินัย บวชอยู่ที่โรงเรียนก็ต้องทำงาน มีงานโครงการในแผนและงานในอุดมคติ ล้วนต้องมี ศรัทธา คือเชื่อมั่นว่าต้องทำได้

        มีวิยะ..อันนี้แน่นอนจะต้องมุ่งมั่นทุ่มเทให้สำเร็จ มีสติ..ว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่ได้ทำเพราะความโลภหรืออยากเด่นดัง และใช้ปัญญา คือหาข้อมูลก่อนที่จะลงมือทำทุกครั้ง..

        อันนี้จะเห็นได้ว่า..หลักธรรมพื้นฐานที่นำมาใช้ในการบวชที่โรงเรียน..ล้วนมีความสอดคล้องกับ “ศาสตร์พระราชา” ทั้งสิ้น ถ้าได้ลงมือทำจริงๆ ก็สามารถเข้าใจและเข้าถึง..ธรรมะอีกหลายข้อทีเดียว

        โครงการในฝัน..ที่ผมจะทำในระหว่างที่ (คิดว่า)บวชนั้นได้แก่ อุโมงค์ต้นไม้ โคนต้นผมต้องปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อให้ความชุ่มชื้น ต้นไม้จึงจะโตเร็วและแตกกิ่งก้านสาขา..

        อุโมงค์ต้นไม้ ผมได้แนวคิดจากการไปศึกษาดูงานในโครงการพระราชดำริ เห็นแล้วรู้สึกสุขใจและรักต้นไม้ และอยู่ในฐานะที่ผมจะทำได้

        ผมจะลงมือสร้างอาคารเรียนอนุบาล..ซึ่งปัจจุบันทรุดโทรมและคับแคบมาก..ผมจะพยายามติดต่อขอรับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากเครือข่ายผู้ปกครอง

        ผมจะต่อเติมโรงอาหาร..แนวคิดนี้ตั้งใจว่าจะทำนานแล้ว แต่รอเวลา..ตอนนี้นักเรียนเพิ่มมากขึ้น..โรงอาหารมีพื้นที่ไม่เพียงพอเสียแล้ว..

        ผมจะปลูกเฟื่องฟ้าริมถนนใกล้สระน้ำ และรอบๆสระ เพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อมและเพิ่มเติมทัศนียภาพให้สวยงาม..มองดูแล้วจะได้ไม่แห้งแล้งจนเกินไป..

        ผมมองดูน้ำในสระลดลงไปมาก แต่เชื่อว่าเดือนเมษายนนี้ฝนจะต้องตกลงมา ดับร้อนและเพิ่มปริมาณน้ำในสระ การที่ผมคิดจะบวชที่โรงเรียน..ก็เชื่อว่าจะเสริมบุญบารมีให้ความแห้งแล้งหมดไป จากนั้น..ก็ภาวนาให้ฝนเทลงมาบ้าง เพราะตอนนี้ร้อนเหลือเกิน...ครับ

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๘  มีนาคม  ๒๕๖๒


หมายเลขบันทึก: 660560เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2019 21:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มีนาคม 2019 21:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท