การศึกษาเพื่อ "การพัฒนาที่ยั่งยืน" (๕): กว่าจะมาเป็น ๓ เสาหลัก


การศึกษาเพื่อความยั่งยืน คือการศึกษาที่ต้องธำรง ๓ เสาหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ในใจของเยาวชนและคนไทยทั้งมวลได้

ทำไมต้อง ๓ เสาหลัก ....  คำถามนี้ตอบง่าย แต่ตอบให้เข้าใจ เชื่อในใจได้ยาก  คงต้องสอนให้เด็ก ๆ รู้จักที่มาของ ๓ เสาหลัก เสียก่อน ...   การชมคลิปวิดีโอการบรรยายพิเศษของ ศาตราจารย์กิตติคุณ (ศาสตราจารย์เกียรติคุณ) ดร.วิษณุ เครืองาม และจับประเด็นสำคัญ ๆ ดังเขียนในบันทึกนี้  ทำให้ผมทราบความเป็นมาและตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งของ ๓ เสาหลัก 

ทำไมจึงเรียกว่า "ราชวงศ์จักรี"

  • จักรี แปลว่า ผู้มีจักรเป็นอาวุธ  สระอีในภาษาไทยนั้น เขาเรียกว่า "ปัจจัย" ที่ทำให้เกิดความหมายใหม่  ไม่ว่าเอาสระอีไปเติมอะไร จะเกิดความหมายใหม่ทันที เช่น 
    • หัตถะ  แปลว่ามือ เติมสระอี เป็น หัตถี แปลว่าช้าง หรือผู้มีมือจากที่ไม่เคยมีมือ  
    • จักร แปลว่า อาวุธ  เติมสระอีเป็น จักรี แปลว่า ผู้มีอาวุธ  
  • แต่ก่อนกษัตริย์ มีจำนวนมากที่ขึ้นต้นว่า พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พระรามาธิบดี  ฯลฯ นี้ เป็นอิทธิพลของพราหม์   ดังนั้น คำว่า จักรีที่แปลว่าผู้มีจักร นั้น เป็นคำที่ศาสนาพราหมณ์ใช้เรียกพระนารายณ์ เท่านั้น 
  • คตินิยมของไทย ได้มาจากขอมหรือเขมร คตินิยมของขอมหรือเขมรนั้น ได้มาจากอินเดียหรือศาสนาพราหมณ์ นั่นเอง 
  • ดังนั้น พระเจ้าแผ่นดินของ แขก เขมร และของไทย จึงเป็นร่างอวตารของ พระนารายณ์ ตามความเชื่อนั่นเอง 
  • ในเรื่อง รามเกียรติ์ นั้น พระนารายณ์เกิดมาเป็นคนเดินดิน เรียกว่า พระราม   ดังนั้น กษัตริย์ของไทย จึงนำมาใช้เป็นชื่อรัชกาล เช่น พระรามาธิบดี 
  • มีเพียงพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวที่ไม่ได้ราชาภิเษกคือ รัชกาลที่ ๘   แต่ในหลวง ร.๙ ก็ทรงเฉลิมพระปารมาภิไท ตั้งชื่อถวายใหม่ ด้วยพระนามว่า พระอัตถมรามาธิบดี  ... สะพานพระราม ๘ ก็ตั้งชื่อด้วยเหตุคิดเดียวกันนี้ 
  • กษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีแท้จริงแล้ว มีเชื้อสายมอญ 
    • คราวที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ถูกส่งไปช่วยปราบกบฎ ตามคำขอของพระเจ้านันทะบุเลง ลูกชายของบุเลงนอง ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว  
    • พระเจ้านันทะบุเลงทรงเล่นไม่ซื่อ สั่งกระซิบสั่งความว่า  หากพระนเรศวรผ่านมา ให้หาอุบายฆ่าเสีย 
    • มอบให้พระยาเกียรติและพระยารามไปจัดการ ซึ่งทั้งสองเป็นศิษย์ของพระมหาเถรคันฉ่อง จึงเอาไปเล่าให้อาจารย์ของตนเองหลัง  พระมหาเถรจึงได้เกลี้ยกล่อมจนสองพระยากลับใจ  ไปถวายตัวเข้ารับใช้  เมื่อพระนเรศวรมาถึง  ทรงโกรธมากจึงยกทัพกลับพร้อมด้วยพระยาเกียรติ พระยาราม และพระมหาเถรคันฉ่อง 
    • กองทัพพม่ายกทัพตามมา  จนถึงริมฝั่งแม่น้ำสโตง พระนเรศวรคว้าพระแสงปืนต้น ยิงจากฝั่งแม่น้ำสโตง โดนพระสุรกันมาตกจากหลังช้าง ทัพพม่าจึงยกทัพกลับไป 
    • ทุกท่านปลอดภัย พระยาเกียรติพระยาราม มาอยู่ด้วยอยุธาได้มีเมียเป็นไทย มีลูก มีหลาน และมีเหลน และช่วยพระนเรศวรรบจนกอบกู้อิสระภาพได้ 
    • หลานคนหนึ่งของพระยาเกียรติหรือพระยาราม (ไม่ปรากฎหลักฐาน) คือนายทองด้วง ต่อมาก็คือ รัชกาลที่ ๑ นั่นเอง .... ดังนั้น ร.๑ จึงมีเชื้อสายมอญ
  • นายทองด้วง มีเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก ๆ ๒ คน คนหนึ่งชื่อ นายสินเชื้อสายจีน อีกคนเป็นไทยเชื้อสายอีหร่าน ชื่อนายบุญนาค สามคนนี้เล่นกันตั้งแต่เด็ก ๆ  
    • นายบุญนาคนั้น รวย จึงได้ทำงานในวัง ส่วน นายสินกับนายทองด้วงนั้น ได้เป็นอัยการ 
    • พ่อสินค้นโต  ไม่มีเส้น จึงถูกส่งไปเป็นอัยการอยู่ไกลมาก ไปอยู่เมืองตาก ไปเป็นหลวงยกกระบัด เมืองตาก 
    • พ่อทองด้วง มีเส้นบ้าง ไปเป็นหลวงยกกระบัด ไปอยู่ใกล้หน่อย ที่ราชบุรี 
    • พ่อสินที่ถูกส่งไปอยู่เมืองตาก กลับได้โอกาสขึ้นเป็นพระยาตาก เป็นเจ้าเมืองตาก เพราะพระยาตากตาย ส่วนกลางไม่อยากจะเสียค่าขนส่ง 
    • หลวงยกกระบัดทองด้วง ไม่ได้เป็นเจ้าเมืองสักที จนมีวันหนึ่ง  พม่ายกทัพมาล้อมอยุธา  เจ้าเมืองกำแพงเพชรตาย จึงบอกให้เจ้าเมืองตากย้ายมาเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร แต่เนื่องจากยังไม่ได้เผาคนเดิม จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า พระยาวชิรปราการ(สิน)  แต่แทนที่ท่านจะไปรับตำแหน่ง ท่านกลับนำทัพมาสู้กับพม่าที่ล้อมเมืองอยู่  จนพบว่า อยุธยาจะแตก ท่านจึงพาทหาร ๕๐๐ คนตีฝ่าวงล้อมไปตีเมืองชลบุรี ระยอง และเมืองจันทบุรี  เราจึงรู้จักท่านใน ชื่อ  พระเจ้าตากสิน ไม่ใช่ พระยาวชิรปราการ 
    • พระเจ้าตาก(สิน) ทรงคิดได้ฉลาดและแยบยลมาก ในการเลือกเป้าหมายที่จะไปตีเมืองจันทบุรี แทนที่จะกลับไปที่เมืองตาก  .... ทรงคิดที่จะกู้บ้านกู้เมือง เมืองตากติดพม่า ทรงรู้ว่าเมืองจันทบุรีมีคนจีนเยอะ ท่านมีเชื้อสายจีน จึงคิดจะไปเกลี้ยงกล่อมชวนคนจีนให้ช่วยต่อเรือ เพราะคนจีนต่อเรือเก่ง  และก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ   ทรงได้เรือมาตั้งหลายร้อยลำ แล้วนั่งเรือลงมาตีธนบุรีก่อนเพื่อให้สำเร็จและให้ข่าวกระพือไป ซึ่งตอนนั้นพม่าส่งแม่น้ำสุกี้มาปกครอง  
    • ตอนนั้นพม่าได้ยึดครองหมดแล้ว จับเอาเฉลยศึกกว่า ๓ หมื่นคน เดินท้าวกลับพม่า เจาะหลังข้อเท้าเอาหวายร้อย เพื่อป้องกันการหนี ... ด้วยเหตุนี้จึงเรียกตรงนั้นว่า "เอ็นร้อยหวาย" 
    • หลังจากปราบแม่ทัพพม่าเมืองธนบุรีแล้ว ก็เข้าไปที่อยุธยา ซึ่งพม่าเผาทิ้ง ๗ วัน ๗ คืน ไม่มีทหารพม่าเหลือแล้ว เหลือน้อย   ท่านเห็นสภาพแล้วสลดรันทดใจมาก ไม่น่าจะสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้  แต่หากจะสั่งการให้หนีไปสร้างเมืองใหม่เลย ก็เกรงจะว่าประชาชนจะหาว่าขี้ขลาด จึงทรง มีอุบายว่า เจ้าเมืองอยุธยาที่ตายไปมาเข้าฝัน ไล่ไปไม่ให้มาอยู่ เพราะท่านไม่มีเชื้อสายกษัตรย์ จงอย่าอยู่เลย จงไปหาที่อยู่ใหม่เถิด คนจึงเห็นใจตามท่านไปสร้างเมืองใหม่ที่ธนบุรี 
    • เหตุที่ท่านมาอยู่ที่ธนบุรี  น่าจะมีเหตุเพราะกรุงธนบุรี มีชื่อต้องโฉลกโชคชัยกับท่าน เพราะ ธนบุรีแปลว่า เมืองแห่งทรัพย์สิน 
  • ก่อนที่อยุธยาจะแตก พ่อทองด้วง เป็นหนุ่มโสด ที่อยู่ราชบุรี  พระเจ้าเอกทัต มีพระราบดำรัสว่า เมืองใด ที่มีสาวงาม โสด ให้คัดเลือกแล้วส่งเข้าไปให้เมืองละคน 
    • เมืองอัมพวา มีกุลสตรี ที่สวยและโสด ชื่อแม่นาค เป็นลูกเศรษฐี เชื้อสายมอญ 
    • แต่คุณนาคไม่ต้องการจะเข้าไป  วิธีเดียวที่จะหนีได้คือ ต้องรีบแต่งงาน  เลยมีคนไปบอกพ่อทองด้วง ให้ไปดูตัวและสู่ขอ แม่นาคเลยรอดตัวไป .... ต่อมาได้มาเป็นพระราชินีพระองค์แรกของราชวงศจักรี 
    • เมื่อแต่งงานอยู่กินกันจนมีลูก เมื่ออยุธยาแตก  วันหนึ่งจึงมีน้องชายคนหนึ่งมาหา เล่าเรื่องให้ฟังว่า ตอนนี้ พ่อสินได้มีบุญญาธิการ ได้เป็นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบรี และแนะนำให้ไปรับใช้ท่าน 
    • จึงพาลูกเมียเดินทางไปฝากตัวกับพระเจ้าตาก ทรงจำได้ ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระราชวารินทร์ ถ้าเทียบกับทุกวันนี้ก็คงเป็น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ... จากอัยการ มาเป็นตำรวจ 
    • เมื่อส่งให้ไปรบ  รบชนะ ก็ทรงแต่งตั้งเป็น พระยาอภัยรณฤทธิ์ เทียบทุกวันนี้น่าจะเป็น แม่ทัพภาค ๑ ... จากตำรวจ ไปเป็นทหาร 
    • ทรงส่งไปรบอีก ชนะอีก ทรงแต่งตั้งเป็น พระยายมราช  .เทียบเป็น มท.๑  เสนาบดีมหาดไทย 
    • และพอไปรบอีก คราวนี้ไปรบต่างแดน เขมร  เมื่อชนะ  จึงแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาจักรี  ... เทียบ นายกรัฐมนตรี   เป็นสมุหนายก ... เรียกว่ เจ้าพระยาจักรี(ทองด้วง)
    • และเมื่อยกทัพไปปราบเมืองลาว  มีความดีความชอบ ชนะ ขากลับยังได้พระแก้วมรกตอีก จึงแต่งตั้งเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก 
    • อยู่มาเขมรมีขบถที่เขมร พระเจ้าตากสินจึงทรงส่งไปปราบขบถ ขณะที่กำลังรบนั้น เกิดขบถพระยาสันบุกกรุงธนบุรี จับพระเจ้าตากสินขังไว้ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงรีบเสด็จกลับ 
    • ระหว่างเดินทางกลับ ได้แวะสระผมอาบน้ำที่วัดสระแก ก่อนจะขึ้นช้างเดินทางต่อมาที่วัดโพธิ์  ขุนนางธนบุรีมารับที่วัดโพธิ์ เชิญท่านขึ้นเรือข้ามไปฝั่งธนบุรี และเชิญขึ้นครองราชย์ 
    • ทรงสำเร็จโทษ ประหารพระยาสันเสีย และในพงศวดารยังเขียนด้วยว่า ได้สำเร็จโทษพระเจ้าตากสินด้วย ด้วยเหตุว่า 
      • ทรงพระสติฟั่งเฟือน จากการทำสมถสมาธิ เข้าใจว่าพระองค์เองบรรลุโสดาบัน 
      • ทรงเรียกสมเด็จพระดสังฆราชเข้ามาถามว่า ถ้าฆาราวาสบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน สมเด็จพระสังฆราชต้องกราบไหม .... พระสังฆราชตอบว่า ไม่กราบ เพราะพระมีศีล ฆาราวาสไม่มีศีล  พระเจ้าตากทรงกริ้วมาก ให้จับพระสังฆราชสึก ให้ไปทำงานแรงงานอยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม ตั้งพระที่ตอบว่าต้องกราบขึ้นเป็นพระสังฆราชแทน 
      • เกิดการจราจลวุ่นวายอยู่ในพระราชวัง  
    • แม้พงศาวดารจะเขียนว่า ทรงประหารด้วยไม้จันท์หอม แล้วนำไปฝังไว้ เป็นปีก่อนจะนำกลับมาเผา แต่ก็มีหลายกระแสข่าว เช่น 
      • ไม่น่าจะทรงประหารพระเจ้ากรุงธนบุรี  เพราะท่านทรงเป็นเพื่อนรักกันมาก มาตั้งแต่ยังเด็ก และท่านมาขอรับราชการกับพระเจ้ากรุงธนฯ และท่านยังเป็นพ่อตาของพระเจ้ตากสินด้วย ... น่าจะเป็นการประหารตัวปลอม แล้วปล่อยให้หนีไปสักแห่ง น่าจะไปบวชเป็นพระอยู่ที่นครศรีธรรมราช ที่เขาควรพนม ตอนนี้มีคนไปสร้างตำหนักที่นั่นด้วย
    • ลูกของพระเจ้าตากสินกับลูกสาวของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ที่ชือว่า "แม่ฉินใหญ่" คือ เจ้าฟ้าสุพรรณธวงศ์  
    • ลูกคนที่สองของรัชกาลที่ ๑ กับ แม่บุญนาค คือ พ่อฉิมเล็ก  ต่อมาเป็นรัชกาลที่ ๒ 
    • ขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ท่านทรงเห็นว่า กรุงธนบุรีนั้น เป็นเหมือนเกาะ มีแม่น้ำล้อมรอบทั้ง ๔ ทิศ เหมือนอยุธยา ซึ่งเป็นจุดอ่อนให้ข้าสึกล้อมรอบ ปิดเมือง  จึงทรงโปรดให้ย้ายเมืองหลวงมาฝั่งบางกอก หรือกรุงเทพฯ ปัจจุบัน 
    • ทรงให้มีการตั้งเสาหลักเมือง ย้ายวัดพระแก้วมาไว้ในที่ปัจจุบัน สร้างประตูคูเมือง จนเจริญสืบมาถึงปัจจุบัน 
    • รัชกาลที่ ๖ ทรงพิจารณาว่า กษัตริย์ที่ปกครองสืบเนื่องต่อกันมานั้น เป็นราชสกุลเดียวกัน  
      • รัชกาลที่ ๑ เป็นพ่อรัชกาลที่ ๒ 
      • รัชกาลที่ ๒ เป็นพ่อรัชกาลที่ ๓ 
      • รัชกาลที่ ๓ เป็นพี่รัชกาลที่ ๔
      • รัชกาลที่ ๔ เป็นพ่อรัชกาลที่ ๕ 
      • รัชกาลที่ ๕ เป็นพ่อรัชกาลที่ ๖ 
    • รัชกาลที่ ๖ จึงทรงตั้งชื่อราชวงศ์นี้ว่า "ราชวงศ์จักรี" ด้วยเหตุว่า รัชกาลที่ ๑ เคยเป็นเจ้าพระยาจักรีมาก่อน  (ทรงเป็นพระยาจักรีคนสุดท้าย) และด้วยทุกพระองค์มีพระนาม "รามาธิบดี" ที่มีความหมายถึง ผู้มีจักรเป็นอาวุธ หรือก็คือ พระนารายณ์  ดังที่ได้กล่าวไป 
ศาสตร์พระราชา ราชวงศ์จักรี 
  • เริ่มรัชกาลที่ ๑  พ.ศ. ๒๕๓๑ ทรงครองราชย์ ๒๗ ปี ทรงมีวิสัยทัศน์ ดังนี้ว่า 
    • คนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ล้วนแล้วแต่มาจากธนบุรี และทั้งหมดล้วนแต่ตามมาจากอยุธยาทั้งนั้น  ล้วนแต่มีพ่อแม่ลูกหลานอยู่อยุธยาทั้งนั้น  ทุกคนมีความฝังใจในอยุธยามาก 
    • พี่ชายและลูกพี่ชายของพระองค์ ก็ถูกเจาะเอ็นร้อยหวายไปที่พม่าเช่นกัน  แม่บุญนาค พระราชินี ก็ถูกตัดผมสั้น นุ่งโจงกระเบน ห้ามใส่สะใบเฉียง 
    • ทรงคิดว่า ทำอย่างไรจะสร้างฝันให้คนกรุงเทพฯ  ทำอย่างไรจะสร้างขวัญกำลังใจให้คน 
    • จึงทรงดำริให้สร้างกรุงเทพฯ ให้เหมือนอยุธยาทุกอย่าง เช่น 
      • ขุดคลองมหานาค 
      • อยุธยามีวัดพระศรีสันเพชร ไม่ให้มีพระสงฆ์อยู่  กรุงเทพฯ มีวัดพระศรีศาสดาราม 
    • หลังจากตั้งกรุงเทพฯ ได้ ๓ ปี พม่ายกทัพม่าบุกมากรุงเทพฯ มาถึง ๙ ทัพ จำนวนเรือนแสน  ในขณะที่ทหารกรุงเทพฯ มีไม่กี่หมื่น    
      • ทรงพิจารณาว่า ถ้าตั้งรับในที่ตั้งพม่าจะคำนวณกำลังได้ถูก จึงไปตั้งรับที่ชายแดน  ค่ำ ๆ ให้ครึ่งหนึ่งเดินกลับ รุ่งเช้าให้ออกไปใหม่  เหมือนเป็นมีทหารจำนวนมาก 
      • สุดท้าย พระเจ้าปดุงแพ้  และไม่เคยยกมาอีกเลย 
    • ทรงเป็นนักรบ ทรงรบ ปราบขบถ ทรงสร้างเมือง ป้องกันเมืองให้รอด 
    • ทรงเป็นอัยการเก่า ข้าราชการเก่า เป็นตำรวจเก่า เป็นทหารเก่า จึงมีพระปรีชาด้านการเมืองการปกครอง ศิลปวัฒนธรรม และศาสนา 
    • ทรงไปเชิญสมเด็จพระสงฆราช ที่ถูกพระเจ้าตากสินจับสึกนั้น ให้กลับมารับตำแหน่งพระสังฆราชองค์แรกของกรุงเทพฯ 
    • ทรงเห็นว่า มีพระที่ประพฤติเหลวแหลก ผิดศีลธรรม จึงออกกฎพระสงฆ์ ๑๐ ข้อ และจัดสอบความรู้พระทั่วประเทศ เรียกว่า "สอบไล่" เพราะถ้าสอบไม่ผ่าน ให้จับสึกให้หมด 
    • ทรงให้ทำสังคายนาพระไตรปิฏกใหม่ ที่วัดมหาธาตุ ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยเคยทำ  มีการประชุมนานถึง ๓ เดือน 
    • ต่อมามีคดีอำแดงป้อม 
      • อำแดงป้อม เป็นผู้หญิงธรรมดา ชื่อแดง  มีสามีชื่อว่า นายบุญสี เป็นช่างตีเหล็ก 
      • ต่อมาไปเป้นชู้กับข้าราชการคนหนึ่ง ชื่อ ราชาอ่ำ  ชู้ปั่นหัวว่าให้ไปฟ้องหย่าผัว แล้วแบ่งสมบัติมาอยู่กับพี่เถอะ อำแดงบอกว่า จะทำได้อย่าง ผัวไม่ได้ทำอะไรผิด 
      • แต่เมื่อำแดงป้อมฟ้องหย่ามาที่ชู้บอก ศาลก็บอกว่า กฎหมายต่าง  ๆ พม่เผาหมดแล้ว เลยให้ไปเรียกพราหมณ์แก่ มาเบิกความ  พราหมณ์แก่ก็บอกว่า ให้แบ่งสมบัติหย่าได้  จึงได้ทำตามนั้น มาอยูกับผัวใหม่ 
      • นายบุญสี จึงถวายฎีการัชกาลที่ ๑ ทรงเห็นว่า กฎหมายวิปริต จึงให้ตั้ง กรรมการ ๑๑ คนไปร่างกฎหมายใหม่ เอาให้หมดจดงดงาม 
      • กรรมการ ๑๑ คน ใช้เวลา ๑๑ เดือน ได้กฎหมายใหม่ ให้ทำไว้ ๓ สำเนา แล้วปิดตราไว้ ๓ ดวงที่หน้าปก ตราราชสีห์ ตราคชสีห์ ตราบัวแก้ว เรียกว่ากฎหมายตราสามดวง ได้ใช้สืบมาจนถึงรัชกาลที่ ๕ 
    • กฎหมายสมัยอยุธยา ตอนหนึ่งเขียนว่า "...ไทยปาบ้านเจ็ค ไม่ถูกเด็กเล็ก ไม่ต้องปรับไหม เจ็คปาบ้านไทย แม้ไม่ถูกใคร ผีเรือนตกใจ ปรับไหม ๓ ตำลึง...."  ฮา... ทำให้ ร.๑ ทรงสั่งให้มีการสังคยานากฎหมายใหม่ 
    • ท่านสวรรคตเมื่อครองราชย์ได้ ๒๗ ปี 
  • รัชกาลที่ ๒ ทรงเป็นกวี แต่งกาพย์ กลอน โครง ฉันท์  โขน ระบำ ร้ำ ฟ้อน ละคร หนัง ทรงแต่งเรื่อง สังข์ทอง อีเหนา ฯลฯ ทรงต้องการที่จะสร้างขวัญกำลังใจของคนไทยให้กลับมา 
    • ช่วงแรก ๆ ของการปกครอง ก็ทำท่าว่าจะเกิดขบถใหญ่ โดยหัวหน้าก็คือ เจ้าฟ้าสุพรรณธวงศ์ เมื่อจับได้ รับสารภาพ จึงทรงประหารชีวิต
    • ใครเป็นกวี ทรงเรียกมารับราชการ นายภู่ (สุนทรภู่) ก็ได้ดีในยุคนี้  
    • วันหนึ่งผ่านไปยังทางเมืองนนทบุรี เห็นสาวสวยคนหนึ่ง สืบทราบว่าเป็นลูกสาวเจ้าเมืองคือ พระยานนทบุรี ชื่อเรียม  จึงไปสู่ขอมา 
    • แม่คุณเรียม ชื่อ คุณเพ็ง เป็นลูก พระยาราชบังสัญ ซึ่งเป็นมุสลิม ชื่อว่า บังสัญ  ทวดของพระยาบังสัญ เป็นสุรต่านไลมานสงขลา เป็นอิสลาม .. แต่คุณเพ็งเป็นพุทธ 
    • ร.๒ กับ คุณเรียม มีลูกชื่อ หม่อมเจ้าทัพ ... ต่อไปคือรัชกาลที่ ๓ 
    • ร.๑ มีพี่สาวแท้ ๆ ที่เลี้ยงท่านมาตลอด ชื่อ คุณแก้ว  เมื่อท่านขึ้นครองราชย์ ท่านก็ตั้งให้คุณแก้ว เป็นสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ คุณแก้วมีสามีเป็นคนจีน ชื่อ เจ้าสัวเงิน ทั้งสองมีลูกหลายคน คนหนึ่งชื่อ คุณบุญรอด คุณบุญรอดนั้น ตอนเด็ก ๆ ทำขนมขาย เพราะทำกับข้าวเก่งมาก 
    • เมื่อคุณแก้วเสียชีวิต ร.๑ ได้จัดงานสวดศพอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวัง เพราะท่านรักมาก ระหว่างไปงานนั้น พ่อฉิม (ร.๒) ได้ไปพบและพอใจคุณบุญรอด  จึงตามไปจีบที่ตำหนักบ่อย ๆ  ทั้งติดใจในความสวยและรสชาติของอาหาร  
    • ๒ ปีผ่านไป ปรากฎว่า คุณบุญรอดท้อง ร.๑ จึงสอบสวน พบว่า ท้องเพราะพ่อฉิม ร.๑ ทรงกริ้วมาก จึงกักบริเวณเจ้าฟ้าฉิม และเนรเทศคุณบุญรอด 
    • ระหว่างที่ถูกกักบริเวณ เจ้าฟ้าฉิม คิดถึงคุณบุญรอดอยู่ตลอด จึงแต่งกลอน ...กลอนที่แต่งตอนนั้นก็คือ "... มัสมั่น แกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใด ได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา..." โดยเฉพาะกลอนที่แต่งถึงของหวาน  "...ทองหยอด ทอดสนิท ทองม้วนนิด ชิดความหลัง สองปี สองปิดบัง แต่ลำพัง สองต่อสอง ..."
    • ร.๑ หายโกรธ ก็เลยให้แต่งงานกัน และเมื่อ ร.๒ ขึ้นครองราชย์ เจ้าฟ้าบุญรอดก็เลยได้เป็นพระราชินี มีลูกกัน ๒ คน คือ เจ้าฟ้ามงกุฎ และ เจ้าฟ้าจุฑามณี 
    • พ่อทัพ หรือพระองค์เจ้าทัพ ที่เป็นลูก ร.๒ กับ คุณเรียม ซึ่งอายุห่างจากเจ้าฟ้ามงกุฎ ๑๗ ปี เป็นกำลังสำคัญของ ร.๒ คือ พระองค์เจ้าทัพ  เป็นหัวหน้าในการปราบขบถเจ้าฟ้าสุพรรณธวงศ์  ร.๒ ทรงแต่งตั้งให้เป็น กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์  และพระราชวังของเจ้าฟ้าสุพรรณธวงศ์ 
    • กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ หรือพระองค์เจ้าทัพนี้ เป็นคนฉลาดหลักแหลม รบเก่ง ใจบุญสุญทาน และมีหัวการค้า ท่านแต่งเรือสำเภาไปค้าเมืองจีน 
      • เวลาไป ๆ ๓ ลำ เพื่อป้องกันโจรสลัด ลำแรกของหลวง ลำสองของสวนตัว และลำที่สามพ่อค้าคนไหนอยากไปด้วย 
      • เงินที่ได้กลับมา หลวงเข้าหลวง ส่วนตัวท่านเข้าส่วนตัว ของพ่อค้าของใครของมัน  
      • เงินที่ได้ ท่านถวายพ่อท่านทุกครั้ง สองเอาไปสร้างวัด และสามเก็บไว้เอง 
      • ตอนกลับมาซื้อของเล่นตุ๊กตามาแจกน้อง ๆ  ทุกคนรักท่านหมด 
    • ที่วังท่าน ให้หุงข้าวเลี้ยงพระวันละ ๑๐๘ รูป และทำแจกคนผ่านไปมาอีก ๑๘ หม้อ  ... เป็นจุดเริ่มต้นของการสังคมสงเคราะห์ 
    • วันที่ ร.๒ สวรรคต เจ้าฟ้ามุงกฎเพิ่งจะบวชได้ ๑๕ วัน ขณะนั้นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ดำรงค์ตำแหน่งต่อไปนี้ หากเทียบสมัยนี้ ทั้งหมดนี้อยู่ในคน ๆ เดียว 
      • รมต.พาณิชย์ 
      • รมต.คลัง 
      • รมต.ต่างประเทศ
      • ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
      • ประธานศาลฎีกา 
    • เมื่อ ร.๒ สวรรคต ตามหลัก เจ้าฟ้ามงกุฎ ต้องเป็น ร.๓  แต่ขุนนางประชุมกันว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ อายุเพียง ๒๐ แต่กรมหมื่นฯ คนรักทั้งประเทศและเก่งมาก  จึงเชิญท่านขึ้นเป็น ร.๓ 
  •  รัชกาลที่ ๓ 
    • ให้ขุนนางไปถามเจ้าฟ้ามงกุฎ ว่า ประสงค์จะขึ้นครองราชย์หรือไม่ 
    • เจ้าฟ้ามงกุฎ เข้าไปถาม สมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระปาณมานุชิต ได้คำตอบว่า บัดนี้ไม่ใช่เวลาที่จะปรารถนาราชสมบัติ สักวันหนึ่งวิกฤตจะเป็นโอกาส  ร.๓ จึงขึ้นครองราชย์ ต่อมา ๒๗ ปี  เจ้าฟ้ามงกุฎจึงสึกและมาครองราชย์เป็น ร.๔
    • ร.๓ ท่านดูแลน้องท่านดีมาก ๆ  ท่ามกลางความอิจฉา ริษยา คิดร้ายจากเจ้าต่าง ๆ  ถ้าไม่ได้พระมหากรุณาของ ร.๓   ร.๔ คงอยู่ไม่ได้ 
    • ร.๓ ท่านไม่ชอบกลอน กาพน์ โขน ฟ้อน รำ ระบำ ละคร การละเล่นใด ๆ  ...อะไรที่ "เล่น" ท่านไม่เอาเลย ท่านจะทรงออกจากวังก็เพื่อไปวัดเท่านั้น  ... สุนทรภู่เลย "ตกป๋อง" ไป ออกไปบวช  ต่อมา ลูกสาวของ ร.๓ คนหนึ่ง คือ กรมหมื่นอับษรสุดาเทพ  ไปนำมาเลี้ยงให้แต่งวรรณคดี จนได้ "พระอภัยมณีมาเล่มหนึ่ง" 
    • ทรงเก่งเรื่องค้าขาย แต่งเรือสำเภาไปค้าขายเมืองจีน เงินที่ได้มาท่านแบ่งเป็น ๓ ส่วน 
      • ส่วนที่ ๑ ให้เก็บใส่ถุงแดง มัดเก็บไว้ปลายเตียง ทับมุ้งกันมุ้งขาด ...  ก่อนจะสวรรคตได้สั่งกับขุนนางว่า ให้นำเงินส่วนนี้ไปดูแลซ่อมแซมบำรุงรักษาวัดที่ท่านสร้างขึ้น เหลือเท่าไหร่ให้เก็บไว้ หากยามจำเป็นได้ไถ่บ้านไถ่เมือง 
      • ส่วนที่ ๒ สร้างวัด วัดเกือบทั้งหมดในกรุงเทพฯ สร้างขึ้นในสมัยของพระองค์  ทรงโปรดเรื่องการสร้างวัดมาก ถึงขั้นมีกวีเขียนกลอนว่า "... ทูลเรื่องอื่น ไม่ชื่นเหมือนเรื่องวัด...."  ทรงสร้างทั้งหมดกว่า ๗๐ วัด 
        • แม้แต่ตอนที่่ยังเป็นพระโอรส ระหว่างทางไปรบ เจอวัดท่านก็อธิษฐานว่า ถ้าชนะจะกลับมาสร้างวัด วัดนั้น ร.๒ ตั้งชื่อว่า วัดราชโอรส
        • วัดโพธิ์ ท่านทรงให้สร้างใหม่หมด ทำฤาษีดัดตน ทำพระนอน  ... ทุกวันนี้ UNESCO 
        • พระปรางค์ วัดอรุณ ก็ ร.๓ ทรงสร้าง
        • วัดภูเขาทองท่านก็สร้าง แม้จะยังไม่สำเร็จตอนนั้น 
        • เจ้าสัวโต เพื่อนท่าน ถวายที่ให้สร้างวัด ทรงสร้างวัดชื่อ วัดกัลยาณมิตร  
        • ทรงชวนให้เจ้าพระยาพระคลัง ลูกของพ่อบุญนาค (หนึ่งในสามเกลอ พ่อสิน พ่อทองด้วง พ่อบุญนาค) สร้างวัด  เจ้าพระยาพระคลังจึงยกบ้านให้ สร้างวัด ทรงไปยกช่อฟ้า ตั้งชื่อให้ว่า วัดประยูรวงศ์ 
        • ทรงชวนน้องชายเจ้าพระยาพระคลัง ให้สร้างวัดพิชัยญาติ 
        • ทรงชวนท่านผู้หญิงอินทร์ ภรรษาพระพิชัยญาติ ให้สร้างวัดอนงคาราม 
        • ทรงชวนพระยาพระคลังอีก ให้สร้างวัดอุทิศให้แม่ที่เสียไป ให้ชื่อว่า วัดนวลนรดิตถิ์ 
        • ทรงสร้างวัดอุทิศให้แม่ท่านที่เมืองนนทบุรี  ชื่อว่า วัดเฉลิมพระเกียรติ 
        • ทรงสร้างวัดให้ลูกสาวที่ท่านทรงรักมาก คือ กรมหมื่นอับษรสุดาเทพ (ที่ชุบเลี้ยงสุนทรภู่) ให้ชื่อว่า วัดเทพธิดาราม 
        • ทรงสร้างวัดให้ดับหม่อมเจ้าหญิงโสมนัส หลานของท่านคนหนึ่ง ชื่อว่า วัดราชนัดดารามวรวิหาร และให้สร้างโลหะปราสาท 
        • ฯลฯ
      • มีผู้ถามว่าทำไมทรงสร้างวัดจำนวนมาก .... ทรงตอบว่า เงินทองเก็บไว้ปลวกกินหรืออาจด้อยค่าไป สู้ไปสร้างวัดดีกว่า ไว้ในเบื้องหน้าใครมาเมืองเราเขาจะได้มาชม ... ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้นแล้ว
    • ทรงครองราชย์อยู่ ๒๗ ปี  ท่านไม่ทรงสถาปนาภรรยาองค์ใดเลยเป็นเจ้า  เพื่อที่ลูกท่านจะไม่ได้เป็นเจ้าฟ้ามาครองราชย์ต่อจากพระองค์ 
    • เมื่อครั้งพิธีราชาพิเษก ท่านรับมงกุฏมาสวมแล้วถอดวาง แล้วถอดวางให้ขุนนางได้ยินว่า เก็บไว้รอเจ้าของเขาเถิด 
    • ตอนที่ท่านสวรรคต ท่านไม่ได้สั่งมอบราชสมบัติไว้ให้ลูกท่านคนใดเลย ทรงตรัสบอกว่า ให้ขุนนางไปคุยกันเองเถิดว่าจะเชิญใครขึ้นครองราชย์ 
  • รัชกาลที่ ๔ 
    • หลังจาก ร.๓ สวรรคต ขุนนางพิจารณากันว่า เมื่อครั้ง ร.๒ สวรรคต ได้เชิญ ร.๓ ขึ้นปกครอง ก็ด้วยเหตุว่า  ร.๓ ทรงดีและเก่ง บัดนี้ ร.๓ สวรรคต   ร. ๔  ที่บวชอยู่ในเพศบรรพชิตถึง ๒๗ ปี นั้นเก่งและฉลาด จึงควรเชิญท่านขึ้นครองราชย์ 
    • ร. ๔ ขึ้นครองราชย์ ตอนอายุ ๔๗ ปี เมื่อเป็นกษัตริย์ จำเป็นต้องมีทายาทไว้สืบราชวงศ์ 
      • ทรงพิจารณาว่า ต้องมีพระมเหสี ที่เป็นเจ้า ลูกจะได้เป็นเจ้าฟ้า แต่ท่านเจาะจงเลยว่า ต้องเป็นเจ้าลูกสาว ร.๓   เพื่อให้ ร.๓ มีความสัมพันธ์แนบแน่น ... คิดดังนั้นแล้ว จึงไปสู่พระองค์เจ้าหญิงโสมนัส หลานรักของ ร.๓ และสถาปนาเป็นพระมเหสี  
        • พระนางโสมนัสมีบุญจะได้เป็นพระราชินี แต่บุญท่านน้อย ท่านมีลูกเป็นชาย เป็นเจ้าฟ้าจริง ๆ แต่ประสูตรเช้า บ่ายสิ้นพระชนม์ และท่านเองก็สิ้นพระชนม์ในอีก ๗ วันต่อมา 
        • ทรงสร้างวัดโสมนัสวิหาร ด้วยอาลัยรักในสองพระองค์นั้น และเพื่อจะเป็นอนุสรณ์ ท่านได้สร้างอีกวัดคู่กัน คือ วัดมงกุฎกษัตริยาราม  
      • ทรงต้องอภิเษกกับหลานปู่อีกองค์ คือ หม่อมเจ้าหญิงลำเพย สถาปนาเป็นพระเจ้าหญิงลำเพยอัมราภิรมย์  ซึ่งประสูติพระโอรสองค์แรก ชื่อว่า เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์  ร.๕ นั่นเอง 
        • เมื่อ ร.๕ ขึ้นครองราชย์ แม่ท่านสวรรคตไปแล้ว ทรงสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้ากรมพระเทพสิรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๔  ทรงสร้างวัดให้พ่อท่านคือ วัดมกุฎ สร้างวัดให้พระนางโสมนัสหรือแม่ท่าน คือวัดสิรินทราวาส 
    • ทรงสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว  ท่านทรงรู้เท่าทันฝรั่ง จากการอ่านแมกกาซีนขออังกฤษ  ทรงมีดำริว่า ต้องปรับให้คนไทยเท่าทันสากลด้วย  
      • ทรงรับสั่งให้ขุนนางสวมเสื้อเข้าเฝ้า  ดูเหมือนจะไม่สำคัญ แต่ฝรั่งเอาไปเขียนข่าวทั่วโลกว่า ประเทศสยามกำลังจะก้าวเข้าสู่ความเจริญยิ่งใหญ่  ... เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมาก  
      • ทรงจ้างแหม่มมาสอนภาษาอังกฤษลูกท่าน  ร.๕ จึงพูดภาษาอังกฤษเป็นตั้งแต่ ๑๐ กว่าขวบ 
      • ทรงเอาใจใส่ออกประกาศเตือนประชาชนกว่า ๓๐๐ ฉบับ ให้คนไทยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ 
      • ทรงสามารถรักษาเมืองสยามจากอังกฤษได้ 
        • ขณะนั้นอังกฤษยึดประเทศต่าง ๆ มาแล้วตามลำดับ ยึดอินเดียแล้ว พม่าแล้ว จีนแล้ว และกำลังจะยึดไทย 
        • โดยใช้อุบาย ส่งฑูตมาขอเซ็นต์สัญญา ถ้าไม่เซ็นต์ค่อยเข้ายึด ซึ่งอุบายนี้อังกฤษทำสำเร็จมาแล้วกับประเทศทาง ๆ ดังที่ว่ามา 
        • อังกฤษส่งเซอร์ จอนเบาว์ลิง  มาจะเซ็นสัญญา  ร. ๔ ทรงฉลาดมาก ทรงตั้งกรรมการเจรจา  สุดท้ายจำต้องเซ็นสนธิสัญญาเบาว์ลิง 
          • ไทยต้องให้คนอังกฤษมาปลูกบ้านช่องได้
          • ถ้าฝรั่งทำผิด ต้องขึ้นศาลฝรั่ง เพราะหาว่าศาลไทยและกฎหมายไทยป่าเถื่อน 
            • เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ ... ลูกหนี้บอกว่าคืนแล้ว ศาลไทย ไม่ต้องให้สืบ่พยาน ให้สาบาน แล้วดำน้ำแข่งกัน คนไหนชนะคนนั้นพูดความจริง  
            • สามีฟ้องว่าภรรยามีชู้  ภรรยาบอกว่าไม่ใช่ วิธีพิสูจน์ คือ ให้จุดธูปสาบาน แล้วให้เดินลุยไฟ ... เพราะได้แนวคิดมาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ 
            • หากจำได้ว่านอกใจสามี กฎหมายบอกว่า ให้ทัดดอกชบาแดง แล้วให้หามขึ้นคาน ตระเวนไปรอบตลาด ประจาน 
        • หลังจากนั้นมีฝรั่งประเทศต่าง ๆ มาให้เซ็นต์บ้าง ก็จำต้องเซ็นต์ 
        • ฝรั่งถวายฎีกาขอให้สร้างถนน จนได้ถนนเจริญกรุง เป็นถนนสายแรก 
    • ทรงเก่งเรืองวิทยาศาสตร์ ทรงเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย 

  • รัชกาลที่ ๕ 
    • คนที่มีอำนาจมากตอนต้น ร.๕ คือ สมเด็จเจ้าพระยากรมหาศรีสุริยวงศ์ ขุนนางในตระกูลบุญนาค  เพราะท่านเป็นประธานในการเลือกว่าใครจะขึ้นครองราชย์ต่อจาก ร.๔ ดังนั้นในช่วง ๑๐ ปีแรกของการครองราชย์ จึงทรงเกรงเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์มาก 
      • อยากจะสร้างพระราชวังให้เป็นตึกเหมือนฝรั่งนิยม  .... ทรงถูกคัดค้าน 
      • ทรงถามว่า ปราสาทมีลักษณะอย่างไร บอกว่ามียอดแหลม ๆ    
      • กลายมาเป็นตึกแบบฝรั่งที่มียอดแหลมเอาใจเจ้าพระยาฯ  มาเป็น พระที่นั่งจักรีมหาปราศาสตร์ 
      • ทรงอยากจะทำอะไรหลายอย่าง แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้  
    • ทรงรอจนเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ ถึงแก่อสัญกรรม จึงทรงเริ่มปฏิรูปประเทศ  
      • ทรงมีเวลา ทรงครองราชย์นานถึง ๔๒ ปี  มีเวลายาวนานพอสมควรในการพัฒนาปฏิรูปประเทศ ท่านทรงทำอะไรหลายอย่าง สาธยายหลายวันไม่จบ  
      • ทรงมีเสนา  ทรงมีลูกท่าน ๗๗ พระองค์ น้องท่าน ๗๐ กว่า องค์  ทรงมีกำลังคนในการทำงาน 
        • กรมหลวงราชบุรี ช่วยมาปฏิรูปกฎหมาย 
        • สมเด็จพระบรมราชชนก มาทำเรื่องการแพทย์ 
        • กรมพระนครสวรรค์ มาช่วยปฏิรูปกองทัพบก 
        • กรมหลวงชุมพร ปฏิรูปกองทัพเรือ
        • กรมพระยาดำรงราชานุภาพ น้องท่าน มาช่วยปฏิรูปการปกครอง มหาดไทย 
        • กรมพระยาเทววงศ์ ปฏิรูปการต่างประเทศ 
        • กรมพระยานริศรานิวัติวงศ์ ปฏิรูปเรื่องการช่าง ศิลปะ 
        • ฯลฯ 
      • ทรงมีจักขุมา คือมีวิชั่น หรืิอวิสัยทัศน์ 
        • เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จต่างประเทศ ไปยุโรปสองครั้ง ไปอินเดีย ไปสิงคโปร์ ไปชวา  
        • ไปแต่ละครั้ง ทั่วโลกยกย่องสรรเสริญ  สง่างาม ไม่เก้อเขิน  ทรงเห็นอะไรเอากลับมาใช้ 
    • ทรงปฏิรูปประเทศสยามให้เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก 
      • ทรงจัดให้มีกระทรวง ๑๒ กระทรวง จนเป็นรากฐานของกระทรวงต่าง ๆ จนตราบปัจจุบัน 
      • เลิกทาส
      • ฯลฯ
  • รัชกาลที่ ๖
    • ทรงครองราชย์อยู่ ๑๕ ปี เรื่องใหญ่ที่ทรงทำคือ ทำให้คนไทยรักชาติ 
      • ทรงแต่งกลอน ละคร สยามมานุสติ ปลุกใจเสือป่า 
    • ทรงเป็นลูกคนโตของ ร.๕  
    • ไม่มีลูก มีลูกสาวเพียงพระองค์เดียว คือ เจ้าฟ้าเพชรัตน์   
  • รัชกาลที่ ๗ 
    • เป็นลูกคนสุดท้องของ ร. ๕  ทรงไม่มีทั้ง เวลา เสนา  แม้ว่าจะทรงมี จักขุมา ก็ไม่สามารถจะทำการได้ราบรื่น ดังที่ได้ทราบกัน 
    • เนื่องจาก ร.๕ มีลูกมาก จึงไม่ทรงคิดว่าพระองค์จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน   ยังมี เจ้าฟ้าจักรพงศ์ภูวนาถ เจ้าฟ้าอัศฎางเดชาวุธ  เจ้าฟ้าจุฆาธุทราดิลก ฯลฯ  แต่พี่ชายท่านทะยอยชิ้นพระชนม์กันหมด และ ร.๖ ก็ไม่มีลูกชาย 
    • ทรงรู้ตัวไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง ว่าตนเองต้องเป็นกษัตร์ย์ 
    • ทรงวางรากฐานการปกครองไว้หลายอย่าง 
      • ทรงดำริให้มีเทศบาล เป็นพระองค์แรก 
      • ทรงส่งเสริมสนับสนุนทุกอย่าง  ตอนแรกบอกว่า ไม่มีความรู้จึงทำไม่ได้ ทรงไปศึกษาต่อกลับมา ยังไม่ทำ บอกว่ายังไม่มีผู้นำ จึงทรงไปจ้างฝรั่งมาเป็นที่ปรึกษา แต่ก็ยังไม่สำเร็จ บอกว่ายังไม่มีเวลาทำ  จดหมายฉบับสุดท้ายที่ทรงมีพระราชหัตถุเลขาไปที่กรมที่รับผิดชอบ  ว่า  ข้าพเข้าหวังจะเห็นก่อนชีวิตจะหาไม่ ....  ทรงไม่ได้เห็นจริง ๆ ทรงถูกปฏิวัติโดย "คณะราษฎร" เสียก่อน   
    • ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เกิดการปฏิวัติ เปลี่ยแปลงการปกครอง  ทรงสละราชสมบัติ 
  • รัชกาลที่ ๘ 
    • เนื่องจากยังไม่มีลูก ขุนนางจึงไปเชิญ เจ้าฟ้าอานันทมหิดล ขึ้นครองราชย์ 
    • ขณะนั้นท่านอายุเพียง ๑๒ ปี  อยู่ที่สวิสเซอแลนด์ 
    • ทรงครองราชย์ ๑๒ ปี  แต่อยู่เมืองนอก ๑๑ ปี มีเวลากลับมาเพียง ๑ ปี 
    • ทรงเรียนกฎหมาย เรียน ดร.  ทรงกลับมาเมืองไทยเพื่อมาเยี่ยมชั่วคราว ยังไม่ทันจะกลับไปเรียนต่อ  ก็เกิดเหตุรอบปลงพระชนม์เสียก่อน 
  • รัชกาลที่ ๙ 
    • คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ 
สรุปศาสตร์พระราชาอย่างสั้นที่สุดได้ว่า 
  • ร. ๑ ใครเป็นนักรบ จะโปรด
  • ร.๒ ใครเป็นกวี จะโปรด
  • ร.๓ ใครสร้างวัด จะโปรด
  • ร.๔ ใครพูดภาษาอังกฤษเป็น จะโปรด
  • ร.๕ ใครทำประโยชน์ต่อราษฎร และคิดใหม่ทำใหม่ จะโปรด
  • ร.๖ ใครช่วยปลุกใจคนไทยรักชาติ จะโปรด
  • ร.๗ ใครที่จปูรากฐานประชาธิปไตย จะโปรด
  • ร.๘ 
  • ร.๙ ใครที่ยอมเสียสละ ปิดทองหลังพระ ทำประโยชน์ต่อประชาชน ยอมเหนื่อย ยอมยาก ไม่หวังสิ่งตอบแทน จะเป็นที่โปรด 
ทุกพระองค์มีสิ่งหนึ่งเหมือนกันทุกพระองค์ คือ  ทรงมีทศพิธราชธรรม  ๑๐ ประการ 
  • ทาน ให้โดยเจาะจง  อามิสทาน วิทยาทาน อภัยทาน 
  • ศีล 
  • บริจาค ให้โดยไม่เลือกหน้า 
  • อาชวะ ซื่อตรง สุจริต 
  • มัทวะ สุภาพ 
  • ตบะ อดทน 
  • อโกธะ ความไม่โกรธ 
  • ขันติ อดกลั้น 
  • อวิหิงสา ไม่เบียดเบียนคนอื่น 
  • อวิโรธนะ การประพฤติตรง 
ทุกพระองค์ทรงปฏิญาณว่า (ยกเว้น ร.๘)
  • เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวสยาม 
  • จะรักษาทศพิธราชธรรมโดยเคร่งครัด 
สังเกตว่า สถาบัน "ศาสนา" และ "พระมหากษัตริย์" นั้น ผูกพันอย่างแยกไม่ออก มาตั้งแต่ต้น (ตั้งแต่สมัยสุโขทัย) ส่วนสถาบัน "ชาติ" นั้น มาเกิดขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖  .... แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง "ชาติ" หมายถึง ของ "เชื้อชาติ" หรือ "สัญชาติ" ซึ่งเกิดมีอยู่ในใจมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคมซึ่งยึดมั่นในศักดิ์ศรีอยู่แล้ว ดังนั้น จึง กล่าวได้ว่า  ๓ เสาหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั้น มีมาคู่ไทยมาตั้งแต่ต้นแล้ว 

ผมเชื่อด้วยใจว่า "๓ เสาหลัก" คือปัจจัยสำคัญของ ความยั่งยืน ....  

หมายเลขบันทึก: 660491เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2019 20:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน 2019 10:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท