๙๐๖. พลังผลักดันของชีวิต..


“..การดำรงชีวิตที่ดี จะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา และการปรับปรุงตัวนี่จะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่มีความเพียร ไม่มีความอดทนก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ..”

          ภาษาธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า..

    “ชีวิตแท้จริงที่น่าปรารถนานั้น มันมีความเย็น สะอาด สว่าง และสงบ ถ้าพูดกันด้วยภาษาง่ายๆ ก็คือเป็นชีวิตที่ไม่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ตนเอง..

        หลายคน..รวมถึงผมด้วยอาจต้องถามตัวเองว่ารู้จักตัวตนที่แท้จริงหรือไม่? กำลังวุ่นวายกับการทำสิ่งใด มากไปหรือเปล่า รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังสร้างความปั่นป่วนให้ชีวิต

        หรือว่ามีชีวิตที่เข้ารูปเข้ารอยดีแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งทั่งหลายที่กำลังทำอยู่และผลที่จะเกิดขึ้น ล้วนส่งเสริมให้เกิดพลังผลักดันแห่งชีวิต..

        ชีวิต..ที่ต้องมีการวางแผน ถึงแม้ว่าจะต้องรีบตื่นนอนเพื่อไปโรงเรียนในเช้าวันเสาร์ แต่ก็ต้องมีเป้าหมายว่าจะไปเพื่ออะไรและไปทำอะไร?

        ลูกชาย..ขอไปด้วยเพื่อไปศึกษาดูงานที่พ่อทำ ผมตอบคำถามของลูกที่ถามว่า “ถ้าผมย้ายมาอยู่กับพ่อ..ผมต้องทำอะไรก่อน..”

        “ลูก..จะต้องพัฒนาบ้านให้สะอาดร่มรื่นและน่าอยู่ เพราะลูกมีสังคม มีเพื่อนและมีผู้หญิงของลูก..สักวันเราต้อง “เปิดบ้าน” เพื่อให้การต้อนรับทุกคนที่มาเยือน

        ผมสอนลูกอยู่เสมอว่าอย่าอายที่มีบ้านซอมซ่อ และไม่ต้องอายที่มีฐานะยากจน แต่จงละอายที่มีความรู้ความสามารถมากมาย แต่ไม่รู้จักบริหารจัดการให้บ้านน่าอยู่..

        ด้วยวิธีการที่ง่ายและงดงาม อาจไม่ต้องใช้เงินมากมาย แต่ใช้ “หัวใจ” เป็นสาระตั้งต้น เริ่มที่ตนเอง ไม่ต้องรอคำสั่งหรือกำลังใจจากใคร..

        เพราะชีวิตในปัจจุบัน และการเดินทางไปสู่อนาคต ล้วนต้องอาศัย “บ้าน”เป็นพลังผลักดันของชีวิต..บ้านที่มีแต่ความสงบร่มเย็นและสะอาดเรียบร้อย ย่อมส่งผลสะท้อนที่ก่อให้เกิดคุณค่าต่อจิตใจ..

        เช่นเดียวกัน..โรงเรียนก็คือบ้านหลังที่สอง..ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ที่อาจไม่เทียมหน้าเทียมตาเหมือนโรงเรียนใหญ่ แต่โรงเรียนก็มีจิตวิญญาณ ต้องการความรักความผูกพันจากบุคลากรที่เกี่ยวข้อง..

        ความเชื่อว่าโรงเรียนมีชีวิต..เกิดขึ้นจากความรู้สึกนึกคิดของครูมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ จากรุ่นสู่รุ่น..ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องลบหลู่ แต่ต้องมองดูและทักทายด้วยความรักและลงมือทำ..เพื่อให้บ้านเล็กในป่าใหญ่มั่นคงและยั่งยืน..

        ผมบอกลูกเมื่อเดินทางถึงโรงเรียน..พ่อไม่เคยอายใครที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนเล็กๆ แต่พ่อจะอาย ถ้าไม่ได้บริหารจัดการให้โรงเรียนสะอาดเรียบร้อยเป็นปัจจุบัน

        พ่อจะอาย..ถ้าไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถเท่าที่มีอยู่ บริหารจัดการให้เกิดหลักฐานร่องรอยว่าพ่อได้เต็มที่กับโรงเรียน และมีแนวโน้มว่าโรงเรียนจะพัฒนาขึ้น.

        โดยที่เป้าหมายปลายทางอาจไม่ต้องเหมือนใคร ไม่ต้องเป็นโรงเรียนดีเด่น ไม่ต้องเป็นโรงเรียนต้นแบบของใคร ความคิดที่เป็นพลังผลักดัน..คือความสุขที่ได้ทำ และคาดหวังเล็กๆว่า ครูและเด็กจะต้องมีความสุขในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้..

        ชุมชน..ศรัทธาในความเป็นข้าราชการ และเชื่อมั่นในความเป็น “โรงเรียน” ที่ผู้ปกครองไม่ต้องยึดติดกับขนาดและความอลังการ..

        ที่สำคัญอย่างยิ่ง..ผม..เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ – ๑๐  ทำงานภายใต้เบื้องพระยุคลบาท พระองค์ท่านเป็นพลังผลักดันของชีวิต ให้คิดสร้างสรรค์แต่ความดี ในวิถีที่พอเพียง..

        โรงเรียน..จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยให้ผมศึกษาเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ศึกษาให้เป็นคนมีเหตุผล ปฏิบัติตนอย่างพอประมาณ และทำงานที่สร้างภูมิกันให้ชีวิต...

         ขณะเดียวกันก็ปฏิบัติตามพระราชดำรัส..ที่พ่อหลวงทรงสอนไว้..และใช้เป็นพลังในการขับเคลื่อนงาน...

        “..การดำรงชีวิตที่ดี จะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา และการปรับปรุงตัวนี่จะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่มีความเพียร ไม่มีความอดทนก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ..”

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๖  มีนาคม  ๒๕๖๒



       

       

               

หมายเลขบันทึก: 660490เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2019 19:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม 2019 19:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ความคิดและอุดมการณ์ในการทำงานของครู อย่างท่าน ผอ.คนเก่งนี้ นับวันแต่จะหาผู้สืบทอดได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในยุคของ “ครู ในศตวรรษที่ 21….“ เป็นต้นไป ด้วยปัจจัยทางสังคมที่เปลี่ยนไปมากมายก่ายกอง ขอเป็นกำลังใจให้ท่านทำงานเพื่อเด็กต่อไปนะจ๊ะ

ความคิดและอุดมการณ์ในการทำงานของครู อย่างท่าน ผอ.คนเก่งนี้ นับวันแต่จะหาผู้สืบทอดได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในยุคของ “ครู ในศตวรรษที่ 21….“ เป็นต้นไป ด้วยปัจจัยทางสังคมที่เปลี่ยนไปมากมายก่ายกอง ขอเป็นกำลังใจให้ท่านทำงานเพื่อเด็กต่อไปนะจ๊ะ

ขอบคุณครับครู ผมโชคดีมากแล้ว ที่ได้เป็นข้าราชการ..อยากทำงานรับใช้แผ่นดินนี้ให้สุดๆไปเลย จะได้เอาไว้เป็นที่ระลึก ผมมีครอบครัวและมีคนที่ผมรัก ก็เชื่อว่าการทำอะไรที่จริงจังในทางที่ดีแบบนี้ เขาก็น่าจะศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวผม ตลอดจนได้ผมเป็นแบบอย่างบ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ในสิ่งที่ผมทำก็ถือว่าเป็นผู้ให้..และสิ่งที่ผมได้ก็คุ้มค่ามาก ทุกวันนี้ผมมีความสุขครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท