Existentialism เป็นคำที่คนอื่นตั้งให้กับปรัชญาของซาร์ต เป็นคำที่มาจากแนวคิดที่ว่า เราพบว่าเรามีตัวตนอยู่ในโลก แล้วจากนั้นจึงต้องเลือกว่าเราจะทำอะไรกับชีวิต มันอาจเป็นตรงกันข้าม เราอาจเป็นมีดพก ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่ซาร์ตเชื่อว่า เรามิได้เป็นเช่นนั้น เขากล่าวว่าการมีตัวตนมาก่อนแก่นสำคัญ ในขณะที่วัตถุที่ผ่านการออกแบบมานั้นมีแก่นสำคัญก่อนการมีตัวตน ประเด็นที่สำคัญอย่างหนึ่งของอัตถิภาวนิยม คือ ความพิลึกพิลั่น (absurb) ของการดำรงอยู่ของเรา ชีวิตไม่มีความหมายใด ๆ เลย จนกระทั่งเรามอบความหมายให้กับมันจากการตัดสินใจเลือก แล้วไม่นานความตายก็จะมาเยือนและพรากความหมายทั้งหมดที่เราสามารถมอบให้แก่ชีวิตไป ซาร์ตพูดถึงประเด็นนี้โดยการนิยามมนุษย์ว่า “ความลุ่มหลงทุ่มเทอันไร้ประโยชน์” (a useless passion) ชีวิตของคนเราไม่มีความหมายใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความหมายที่เราแต่ละคนสร้างขึ้นจากการเลือกของเราเท่านั้น อัลแบร์ กามูส์ นักประพันธ์นวนิยายและนักปรัชญา ผู้ถูกเชื่อมโยงกับอัตถิภาวนิยม ใช้ปกรณัมกรีกเกี่ยวกับ ซิซิฟัส (Sisyphas) ในการอธิบายความพิลึกพิลั่นของมนุษย์ หลังจากการใช้กลอุบายหลอกลวงเทพเจ้า ซิซิฟัสถูกลงโทษโดยให้เข็นหินมหึมาก้อนหนึ่งขึ้นเขา เมื่อไปถึงยอดเขา หินก็กลิ้งกลับลงไปข้างล่างและเขาต้องเริ่มเข็นมันขึ้นมาจากตีนเขาอีกครั้ง ซิซิฟัสต้องทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอดกาล ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภารกิจของซิซิฟัสตรงที่มันไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ไม่มีจุดหมายใด ๆ ไม่มีคำตอบที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ ชีวิตเป็นเรื่องพิลึกพิลั่น แต่กามูส์ไม่ได้คิดว่าเราควรเป็นทุกข์ทรมาน เราไม่ควรฆ่าตัวตาย แทนที่จะคิดเช่นนั้น เราควรเข้าใจว่าซิซิฟัสมีความสุข เหตุใดเขาจึงมีความสุขหรือ เพราะมีบางอย่างเกี่ยวกับความไร้ความหมายของการเข็นหินมหึมาก้อนนั้นขึ้นเขาที่ทำให้ชีวิตของเขามีค่า มันยังดียิ่งกว่าการตาย
ไม่มีความเห็น