ทำไมต้องมีรายวิชา(สำนัก)ศึกษาทั่วไป


ผมเคยเขียนตอบคำถามนี้ในเชิงระบบ กลไก และโครงสร้าง ในการออกแบบหลักสูตรหมวดวิชาศึกษาทั่วไป (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๘) ไว้ที่นี่  และสาธยายถึงความสำคัญของรายวิชาศึกษาทั่วไปไว้ที่นี่ ถึงวันนี้ ๔ ปี ผ่านไป คำตอบไม่ล้าสมัยเลย ...  
แต่วันก่อนโน้น ท่าน ผอ.สำนักศึกษาทั่วไป ได้มอบหมายให้ผมเขียนอธิบายอีกครั้งว่า ทำไมนิสิตต้องเรียนรายวิชาศึกษาทั่วไป (General education: GE) และ ทำไมประเทศไทย (การศึกษาไทย) ต้องหันมาพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชาศึกษาทั่วไปกันอย่างจริงจัง จึงเป็นเหตุแห่งการเขียนบันทึกนี้ ....หากผู้อ่าน มีความคิดว่า ผม (ผู้เขียน) ไม่น่าเชื่อถือ ผมก็ขอให้ท่านอ่านบันทึกการถอดบทเรียนจากการฟังบรรยาย ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ที่นี่เถิดครับ 
รายวิชาศึกษาทั่วไปสำคัญจริงหรือ?
เหตุต่อไปนี้ อาจทำให้หลายท่านตั้งคำถามว่า GE ไม่สำคัญ
  • ข้อที่ ๑ จำนวนหน่วยกิตของรายวิชาศึกษาทั่วไป ที่กำหนดไว้ให้เรียนตามประกาศของ สกอ. คือ ๓๐ หน่วยกิต คิดเป็นถึง ๑ ใน ๔ ของหน่วยกิตทั้งหมดที่นิสิต ป.ตรี ต้องเรียน นั่นหมายความว่า หากไม่ต้องเรียนรายวิชา GE นิสิตก็เรียน ป.ตรี เพียงแค่ ๓ ปีก็สำเร็จไปทำงานได้แล้ว ... ยิ่งถ้าพิจารณาว่า รายวิชาพื้นฐานวิชาเอกจำนวนมาก มีเนื้อหารายวิชาที่ซ้ำซ้อนกับตอนเรียนมัธยมศึกษา หากไม่ต้องเรียนวิชาเหล่านั้นด้วย ก็จบ ป.ตรี ได้ด้วยเวลาเพียง ๒ ปี ไปทำงานได้เลย 
  • ข้อที่ ๒ ความเข้าใจต่อกระบวนการไปสู่เป้าหมายของการจัดการเรียนรู้รายวิชาศึกษาทั่วไป คือ "ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์" แตกต่างกัน... กล่าวคือ
    • คนที่เข้าใจว่า ต้องจัดการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้หลากหลายสาขาวิชาอย่างรอบด้าน ทั้งภาษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ จะมีความเห็นว่า จำเป็นต้องเรียนรายวิชาศึกษาทั่วไป 
    • คนที่เข้าใจว่า ต้องบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ให้กับบัณฑิตที่เรียนในแต่ละสาขา ซึ่งย่อมแตกต่างกันไป เป็นการสร้างอัตลักษณ์ของหลักสูตรและของมหาวิทยาลัย จะมีความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเรียนรายวิชาศึกษาทั่วไป ... การสร้างอัตลักษณ์ของหลักสูตรและมหาวิทยาลัยสามารถจัดการเรียนรู้บูรณาการกับรายวิชาเอกของหลักสูตรได้เลย  อาจจัดเพียงบางวิชาเท่านั้นสำหรับสร้างอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย 
  • ข้อ ๓ เจตคติที่ไม่ดีต่อรายวิชาศึกษาทั่วไป ไม่เห็นความสำคัญ ไม่เห็นประโยชน์ของการศึกษาทั่วไป อาจเกิดจากที่การจัดการศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่ได้ผล หรือไม่ได้วัดผลให้เห็นเป็นรูปธรรม ... ผู้ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้บริหารที่เรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์ มักมีแนวคิดลักษณะนี้ 
แท้จริงแล้ว หากสังกตและพิจารณาให้ดี สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาสำคัญ ๆ ทุกวันนี้ มีการคอรัปชั่นสูง ได้คนไม่ดีมาปกครองจนเกิดความขัดแย้งแตกแยก คุณธรรมเสื่อมทรุด เรื่อง "ความดี" ที่ GE รับผิดชอบโดยตรง นั่นเอง... ปัญหาของประเทศนี้ก็คือ การไม่ให้ความสำคัญของ GE อย่างจริงจัง ทำให้ GE ไม่พัฒนา ไม่ได้ผล... คนและสังคมจึง "เสื่อม"

ทำไมการเรียนรายวิชาศึกษาทั่วไปจึงจำเป็น

เหตุผลที่ทุกคนต้องเรียนรายวิชาศึกษาทั่วไป มีอย่างน้อย ๖ ประการ ได้แก่

๑) กฎหมายกำหนดไว้

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒๕๕๐ และ ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจน (ผมเขียนรายละเอียดไว้ที่นี่)  ว่า การจัดการศึกษาจะต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนให้เป็นที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ สิตปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ... แม้จะมีการร่างรัฐธรรมใหม่กี่ฉบับที่ผ่านมา เป้าหมายนี้หลักนี้ก็ยังคงอยู่เสมอ

๒) การศึกษาทั่วไปคือระบบและกลไกที่เอื้อที่สุดในการขับเคลื่อนคุณธรรมจริยธรรมของสังคม

การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้พยายามอย่างหนักในการปลูกฝังและบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม และอัตลักษณ์ของคนไทย ให้คงอยู่ไว้ในเยาวชนไทยทุก ๆ คน ซึ่งโดยภาพรวมถือว่า ได้ผลพอสมควร .... สังเกตจากนิสิตระดับ ป.ตรี ชั้นปี ๑ ส่วนใหญ่ที่เพิ่งขึ้นมหาวิทยาลัย จะมีความกตัญญู ควานอบน้อม ความเคารพต่อครูอาจารย์และพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่ในระดับที่สูงยิ่ง  ในชั้นเรียนรายวิชา ความเป็นมนุษย์และการเรียนรู้ ในภาคการศึกษาหนึ่ง ผมเคยสำรวจโดยใช้กิจกรรม พบว่า เมื่อให้นิสิตเขียนถึงบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต นิสิตส่วนใหญ่จะตอบว่า พ่อ หรือ แม่ หรือ ตา-ยาย ... ผมตีความว่านี่คือความผูกพันที่่ต้องเพาะพันธุ์ไว้นานจึงจะเกิด

ในทำนองเดียวกัน การจัดการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย คุณธรรมที่ต้องปลูกฝังเป็นพิเศษคือ อุดมการณ์ในการนำองค์ความรู้ไปพัฒนาสังคมและชุมชน จิตอาสาและจิตสาธารณะเพื่อส่วนรวม

๓) วิชาศึกษาทั่วไป คือ กลไกหลักในมหาวิทยาลัย ที่ทำให้นิสิตระหว่างสาขาวิชาทุกคนได้ฝึก "จริยทักษะ" หรือการ "เก่งคน" (Software Skills)

Soft Skills เป็นทักษะที่จำเป็นตลอดวัยทำงาน ทั้งช่วงต้นของการเริ่มงาน ช่วงกลางของวัยทำงาน และช่วงวัยที่ต้องเป็นผู้ใหญ่ผู้เชี่ยวชาญในการทำงาน

นิสิตจากหลากหลายชั้นปี/คณะจะมาเจอกันรู้จักกันในชั้นเรียนของรายวิชาศึกษาทั่วไป กิจกรรมการเรียนการสอนในเกือบจะทุกชั้นเรียน จึงเป็นสิ่งแวดล้อมในการฝึกทักษะทางสังคมและทักษะการทำงานร่วมกับเพื่อนใหม่ต่างคณะสาขา โดยเฉพาะในกิจกรรมเสริมหลักสูตรในรายวิชาศึกษาทั่วไป

๔) วิชาศึกษาทั่วไป เป็นวิชาบูรณาการ Work Integrated Learning ระหว่างนิสิตต่างสาขาได้ดีที่สุด

รายวิชาศึกษาทั่วไปที่มีนิสิตจากหลากหลายคณะหรือสาขาวิชามาเรียนรวมกัน จึงง่ายในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้นิสิตได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะการปฏิบัติงาน ได้ฝึกแก้ปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่โดยใช้องค์ความรู้ต่างสาขาวิชา.... เป็นการฝึกทำงานจริง ๆ โดยไม่ต้องรอให้จบการศึกษา หางาน ลองงาน ผ่านงาน แบบระบบเดิม

นิสิตหลายคน เมื่อเรียนถึงตอนชั้นปี ๓ - ๔ จึงได้ลองแล้วล้ม ล้มแล้วลุก ลองผิดลองถูก จนเกิดเป็นประสบการณ์สำหรับการดำเนินชีวิตจริงได้เลย  บางคนอาจประสบผลสำเร็จจนสามารถสร้างธุรกิจหรือสินค้าของตนเองได้ตั้งแต่ยังไม่สำเร็จการศึกษา  .... ใบปริญญาจึงไม่ได้มีค่าอะไร ไปกว่าโอกาสที่จัดให้โดยการศึกษาทั่วไป

๕) วิชาศึกษาทั่วไป คือ ที่ปลูกฝังอุดมการณ์ตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยได้ชัดเจนที่สุด

การสร้างกระบวนการเรียนรู้ในชั้นเรียน และการออกแบบกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้นิสิตทุกคน (ย้ำว่าทุกคน) สามารถทำได้เฉพาะในรายวิชาศึกษาทั่วไปเท่านั้น การบ่มเพาะ ปลูกฝัง อุดมคติในจิตใจหรืออุดมการณ์แห่งมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้น การพัฒนารายวิชาปลูกฝังอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยในรายวิชาศึกษาทั่วไป จึงเป็นสิ่งจำเป็น

๖) วิชาศึกษาทั่วไปทันสมัยและสร้างแรงบันดาลใจให้ใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเองได้ดีที่สุด

เนื่องจากสำนักศึกษาทั่วไป เป็นหน่วยงานกลาง ทำให้คณาจารย์หลากหลายสาขา สามารถเสนอบรรจุรายวิชาที่ทันสมัย หรือรายวิชาที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้นิสิตเรียนรู้ด้วยตนเองได้โดยง่าย ระบบบริหารจัดการเทียบเท่าคณะ และหลักสูตรหมวดวิชาศึกษาทั่วไปที่ยืดหยุ่นสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงเนื้อหาและกระบวนการได้สะดวก ... จึงเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่สุด

โดยสรุป เหตุผลสำคัญที่มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องมีสำนักศึกษาทั่วไป และมีรายวิชาศึกษาทั่วไป มี ๖ ประการ ได้แก่

  • เพราะกฎหมายกำหนดไว้  
  • เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายกำหนดให้ผลิตบัณฑิตที่เป็น "คนดีมีคุณธรรม" ไว้...สำนักศึกษาทั่วไปคือเจ้าภาพ
  • เพราะ softskills (ระหว่างนิสิตหลากสาขา) พัฒนาได้ดีที่สุดที่วิชาศึกษาทั่วไป 
  • เพราะการบูรณาการการเรียน การทำงาน และการดำเนินชีวิต นิสิตได้ฝึกฝนผ่านรายวิชาศึกษาทั่วไป 
  • เพราะมหาวิทยาลัยต้องปลูกฝังบ่มเพาะนิสิตตามอัตลักษณ์มหาวิทยาลัย...สำนักศึกษาทั่วไปทำได้
  • เพราะเป้าหมายแห่งการพัฒนาคนในศตวรรษนี้คือสร้างบัณฑิตที่เรียนรู้ตลอดชีวิต
ท่านอ่านแล้วเห็นว่าถูกผิดอย่างไร ควรจะเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร เชิญครับ ....


หมายเลขบันทึก: 660038เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2019 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2019 07:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท