“บุนนาคคู่วัดคุ้งตะเภา” คาดว่ามีอายุประมาณ 250 ปี จากเส้นรอบวง 3.6 เมตร
(วัดจากพื้นดิน 1.30 ม.) ความสูง 25-30 เมตร ทรงพุ่มกว้าง 8-10 เมตร
ต้นบุนนาคคู่วัดคุ้งตะเภา ได้รับยกย่องจากผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มจังหวัดมรดกโลกทางวัฒนธรรม จ.สุโขทัย ให้เป็น “บุนนาคพญา” ในวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดใน Upper Siam หรือจังหวัดในกลุ่มวัฒนธรรมสุโขทัยโบราณ รองจากต้นบุนนาควัดหลวงจอมยอง เมืองยอง รัฐฉาน ประเทศพม่า (สมชาย เดือนเพ็ญ, 2562)
นอกจากนั้น บุนนาคใหญ่นี้ยังยืนต้นอยู่ในวัดคุ้งตะเภา วัดที่มีความเก่าแก่ติด 1 ใน 9 วัดของเมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นวัดในชุมชนคนไทยภาษาถิ่นสุโขทัยโบราณที่อยู่เหนือสุดในกลุ่มวัฒนธรรมหัวเมืองเหนือสมัยอยุธยา เป็นร่องรอยของขนบในการปลูกสมุนไพรเกสรทั้ง 5 ไว้ในวัดตามจารีตสุโขทัยโบราณ จากหลักฐานในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 286 (สมชาย เดือนเพ็ญ, 2562)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุนนาคใหญ่นี้มีความสำคัญต่อประวัติวัดและชุมชน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่อยู่ในพื้นที่ ๆ เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ บริเวณริมแม่น้ำน่านสายเก่าอันเป็นที่ตั้งวัดคุ้งตะเภาเดิมในสมัยธนบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อคราวยกทัพมาปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝาง ในตำบลที่ตั้งพลับพลารับเสด็จพระตำหนักค่ายหาดสูงตามพระราชพงศาวดาร (ธีระวัฒน์ แสนคำ, 2558: 78-79)วัดคุ้งตะเภาปรากฏหลักฐานการสร้างวัดในปีเดียวกันนั้นหลังการชำระสงฆ์คราวปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง ใน พ.ศ. 2313 (กรมการศาสนา, 2531: 34) และในบริเวณโดยรอบต้นบุนนาคยังพบเศษอิฐและกระเบื้องดินเผาโบราณกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในระดับชั้นดินอีกด้วย (พระมหาเทวประภาส, 2561: 47-51)
ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้นบุนนาคนี้ปลูกขึ้นเมื่อใด มีเพียงตำนานเล่าสืบมาว่าผู้ปลูกอาจเป็นพระสงฆ์หรือผู้สร้างวัด เพราะต้นบุนนาคนี้อยู่ในทิศตะวันตกของวัดติดริมแม่น้ำน่าน การปลูกไว้ในทิศดังกล่าวเป็นทิศปลูกต้นบุนนาคตามตำราโบราณ เพื่อให้อยู่คู่วัดปกป้องคุ้มครองและเป็นสิริมงคลสำหรับวัดและชาวบ้านตราบสิ้นอายุขัย (พระสมุห์สมชาย, 2562)
จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน ล้วนเล่าสืบมารุ่นต่อรุ่นว่าเมื่อเกิดมาก็เห็นต้นบุนนาคขนาดเท่านี้แล้ว บางท่านบอกว่าต้นนี้มีมาตั้งแต่ตั้งวัด (กิ่ง นิยมเดช, 2562. พระอู๋ แสงสิน, 2549) บริเวณต้นบุนนาคนี้เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เคยมีต้นลั่นทม ต้นพิกุล และต้นมะม่วงใหญ่ขนาดหลายคนโอบอยู่ใกล้กัน แต่ก็ล้มลงไปนานแล้ว (พระสมุห์สมชาย, 2562) ปัจจุบันนอกจากต้นโพธิ์โบราณคู่วัด ต้นบุนนาคนี้เป็นต้นไม้โบราณเพียงต้นเดียวในบริเวณท่าแม่น้ำน่านเก่าที่ยังคงยืนต้นอยู่
ในช่วงก่อนน้ำท่วมใหญ่เมืองอุตรดิตถ์ ปี พ.ศ. 2493 ที่ทำให้ชาวบ้านตัดสินใจย้ายหมู่บ้านจากริมน้ำน่านขึ้นมาอยู่บนที่ราบด้านบนในระดับเดียวกับวัด ต้นบุนนาคต้นนี้เคยอยู่บริเวณหัวสะพานไม้โบราณที่ทอดข้ามบุ่งน้ำน่านเก่าไปยังบ่อน้ำโบราณของวัด ชาวบ้านจะเดินทางมาจากชุมชนริมน้ำน่าน และใช้ต้นบุนนาคนี้เป็นจุดพบปะ นั่งพักผ่อนสังสรรค์กัน ก่อนจะพาไปทำบุญในหอฉันและศาลาหลังเก่าบริเวณต้นตาลใหญ่ (พระอู๋ แสงสิน, 2549)
ปัจจุบันหลังแม่น้ำน่านเปลี่ยนเส้นทางห่างจากท่าน้ำวัดเดิมไปกว่า 1 กิโลเมตร และมีการตัดถนนสายเอเชียในประมาณ พ.ศ. 2520 ทำให้หน้าวัดกลายเป็นหลังวัด ต้นบุนนาคหน้าวัดจึงเปลี่ยนสถานะมาอยู่หลังวัด พร้อม ๆ กับการสิ้นสุดเส้นทางสัญจรทางน้ำ และทางบกโบราณ เส้นเลียบน้ำน่าน บุ่งวังงิ้ว-พระฝาง ที่เคยใช้สัญจรกันมาตั้งแต่สมัยธนบุรี (พระมหาเทวประภาส, 2561: 25-27) เหลือเพียงเรื่องเล่าในความทรงจำของปู่ย่าตายาย และต้นบุนนาคโบราณที่ยังยืนต้นเป็นประจักษ์พยานความเก่าแก่ทรงคุณค่าของชุมชนและวัดคุ้งตะเภามาจนปัจจุบัน
** ต้นบุนนาคเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพิจิตร
** ต้นบุนนาคเป็นพันธุ์ไม้ในพุทธประวัติ
** ต้นบุนนาคปรากฏหลักฐานขนบการปลูกถวายวัดในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๒๘๖ จารึกวัดบูรพาราม ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๓๓ ความว่า “รุกฺเขหิ สญฺฉนฺนํ พกุลมุพหริตกํ ปุนฺนาคํ นาคสุรภิ อสนวฏฺสาลกํ ปทุมปปลสมฺปนฺนํ”
กรมการศาสนา. (2531). ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๗. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา. หน้า 34.
ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ ๒๔๕ ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-334-1
พระมหาเทวประภาส วชิรญาณเมธี. (2560). สารพันบันทึกเล่า พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา : ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN: 978-616-543-452-2.
เนื่องจากการจะทราบอายุต้นไม้นั้น ปกติจะโค่นต้นและนับวงปี ซึ่งจะได้อายุชัดเจนที่สุด แต่เราไม่สามารถทำได้ จึงต้องใช้ทฤษฎีที่วัดจากค่าประมาณการ ดังนี้
ต้นบุนนาคนั้นเป็นไม้เนื้อแข็ง และจัดเป็นไม้โตช้า (Slow) ที่มีอัตราความเจริญเติบโตทางเส้นรอบวง ปีละ 1.0 - 1.5 ซ.ม. ตามหลักเกณฑ์การจำแนกไม้ฯ Meijer (After Soerianegara) เมื่อนำมาคำนวนหาอายุโดยประมาณ เราสามารถนำขนาดเส้นรอบวงของต้นบุนนาควัดคุ้งตะเภาในหน่วยเซนติเมตร ที่วัดตามหลักการคำนวนโดยวัดเส้นรอบวงสูงจากโคน 1.3 เมตร ได้ค่าเท่ากับ 360 เซนติเมตร ซึ่งสามารถคำนวณจำนวนปีของบุนนาควัดคุ้งตะเภาโดยการนำค่าประมาณตามหลักของ Monton คือหารด้วย 1.5 จากเส้นรอบวงที่วัดได้ ได้ค่าเท่ากับ 240 ปี ใกล้เคียงกับอายุของวัดที่นับจากปีตั้งวัดคุ้งตะเภาตามหลักฐานลายลักษณ์อักษรคือ ปี พ.ศ. 2313 และเมื่อนำมาคำนวนประมาณค่าปัจจัยการเติบโตที่อาจไม่เท่ากันในแต่ละปี ทำให้อาจเชื่อได้ว่าต้นบุนนาควัดคุ้งตะเภาปลูกมาตั้งแต่สมัยแรกสร้างวัด จึงพิสูจน์สมมุติฐานที่ตั้งไว้
ที่มา : Monton Jamroenprucksa, Ph.D. Associate Professor Department of Silviculture, Faculty of Forestry, Kasetsart University.
ไม่มีความเห็น