สติอย่างกิจกรรมบำบัด
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ 10ปีที่แล้ว ชายคนวัยกลางคนออกไปตัดหญ้าโดยไม่ได้ใส่อุปกรป้องกันแล้วเศษหินกระเด็นเข้าตา แต่เขาไม่ได้ไปหาหมอ หนึ่งปีต่อมาตรวจพบต้อกระจก จังผ่าตัดตาเป็นครั้งแรก หลังจากนั้น 5 ปีตาเขาโดนมือกระแทก เลนส์จึงเคลื่อน ต้องผ่าตัดอีกครั้ง หลังจากนั้น2ปีต่อมาเริ่มเห็นไม่ชัดไม่ทราบสาเหตุ เขาจึงต้องผ่าตัอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่หลังผ่าเลนส์เคลื่อนไม่เข้าที่มองเห็นเพียง 60% จึงต้องผ่าตัดตาครั้งล่าสุด วันที่ 4 ก.ย.61 หลังจากผ่าตัดครั้งนี้มีอาการความดันในตาสูงขึ้นมาก จึงต้องผ่าอีกครั้งเมื่อ 7 ต.ค. 61
หลังผ่าตัดทุกครั้งสามารถกลับบ้านได้เลยไม่ต้องนอนรพ. แต่ในระยะเวลา 1เดือนต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดี ปิดตาเสมอ หยอดตาด้วยยาที่หมอให้มาเป็นประจำอย่างเคร่งครัด ล้างหน้าไม่ได้ หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และการเพิ่มความดันภายในตา ไม่ควรทำกิจกรรมก้มหน้า จากที่ชอบดูทีวีดูหนังก็ดูได้ด้วยตาข้างเดียวไม่นาน จากที่เคยขับรถไปไหนมาได้ ก็ขับไม่ได้ ยกของไม่ได้ เป็นข้อห้ามที่ขัดกับความคุ้นชินและความสะดวกสะบายมาก รู้สึกยากลำบากที่เข้ารับการผ่าตัดแต่พักฟื้นหลายครั้ง ไม่ได้ขับรถไปทำงาน ใช้ตาเพียงข้างเดียวตลอดระยะการพักฟื้น
ในการพักฟื้นแต่ละครั้งเขาต้องหยุดงาน และใช้ชีวิตด้วยตาข้างเดียว ตลอด 1 เดือน ร่วมกับข้อห้ามมากมาย เขาต้องใช้ความอดทนและพยายามเป็นอย่างมาก ในการปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
จากความไม่ระมัดระวังเพียงครั้งเดียว นำมาสู่ผลที่ไม่คาดคิดมากมาย เขาได้เรียนรู้ว่า "ควรใช้ชีวิตอย่างมีสติ และระมัดระวังทุกครั้งก่อนจะทำอะไร"
ไม่มีความเห็น