มูลนิธินี้ประชุมปีละสองครั้ง ในเดือนมิถุนายน กับพฤศจิกายน ซึ่งปีนี้ประชุมวันที่ ๒ พฤศจิกายน วาระสำคัญๆ คืออนุมัติผลการคัดเลือกผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัล ประจำปี ๒๕๖๑ และอนุมัติผลการคัดเลือกผู้สมควรได้รับพระราชทานทุนเยาวชน จำนวน ๕ คน
งานของมูลนิธินี้มี ๓ ด้าน คือ (๑) การพระราชทานรางวัล (๒) การประชุมวิชาการ (๓) ทุนเยาวชน ในการประชุมมูลนิธิแต่ละครั้งจะมีการรายงานกิจกรรมของคณะกรรมการดำเนินการของแต่ละด้าน มีความก้าวหน้าอย่างน่าภูมิใจและชื่นใจ
การประชุมวันนี้ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) มี ๙ วาระใหญ่ๆ แต่ละวาระมีวาระย่อย จำนวนมาก รวมแล้วมี ๒๗ วาระ อาจแบ่งวาระประชุมได้เป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มด้านงานจัดการ เช่นการประชาสัมพันธ์ เรื่องการขึ้นเงินเดือนพนักงาน เรื่องการนัดแนะวันประชุม PMAC ไปจนถึงปี ๒๕๖๔ เป็นต้น กับกลุ่มงานด้านวิชาการที่เป็นงานหลัก ๓ ด้านของมูลนิธิที่กล่าวแล้ว
ในด้านการพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๖๑ คณะกรรมการมูลนิธิเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ ให้พระราชทานรางวัลด้านการแพทย์แก่ผู้มีผลงานเป็นผู้นำด้านโรคมะเร็ง ๒ ท่าน คือศาสตราจารย์ Brian J. Druker, Oregon Health & Science University School of Medicine จากผลงานด้าน targeted cancer therapy พัฒนายาบำบัดมะเร็ง CML (chronic myeloid leukemia) ชื่อยา imatinib (Gleevec) ทำให้ผู้เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่หายขาด และมีความยืนยาวของอายุขัยเหมือนคนปกติ อีกท่านหนึ่งคือศาสตราจารย์ Mary-Claire King, University of Washington, Seattle จากผลงานค้นพบยีนก่อมะเร็งเต้านม BRCA-1, BRCA-2 นำไปสู่ความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรมของมะเร็งเต้านมร้อยละ ๑๐ - ๑๕ ของมะเร็งเต้านมทั้งหมด ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนใดยีนหนึ่งของยีนทั้งสองนี้ หญิงที่มีการกลายพันธุ์ของยีนนี้โอกาสเป็นมะเร็งเต้านม (และมะเร็งชนิดอื่น) ตลอดช่วงอายุ (lifetine risk) เท่ากับร้อยละ ๘๐ นำไปสู่การตรวจคัดกรองเพื่อค้นพบตั้งแต่ระยะแรก หรืออาจทำอย่างดาราภาพยนตร์ Angelina Jolie (1) ที่ตัดสินใจตัดเต้านมทิ้งทั้งสองข้าง เพราะรู้ว่าได้รับยีน BRCA-1 ผิดปรกติจากแม่ ผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งรังไข่
รางวัลด้านสาธารณสุข พระราชทานแก่คู่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานร่วมกัน ด้านการพัฒนาวัคซีนอหิวาต์ชนิดกิน ที่เรียกว่า OCV (oral cholera vaccine) มีผลด้านการปกป้องชีวิตผู้คนจำนวนมากยามฉุกเฉิน ดังตัวอย่างในพื้นที่ประสบภัยจากเฮอริเคน แม็ทธิว ในประเทศแถบทะเลแคริบเบียน กับในกลุ่มผู้ลี้ภัยโรฮิงยา เมื่อเร็วๆ นี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้คนตกอยู่ในสภาพที่ระบบสุขาภิบาลไม่ดี น้ำใช้ไม่สะอาด ท่านแรกคือคือศาสตราจารย์ Jan Holmgren, นักอิมมูโนวิทยา และเป็น founding director, The University of Gothenburg Vaccine Research Institute เป็นผู้พัฒนา OCV ชนิดที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ท่านที่สองคือศาสตราจารย์ John Clemens, Executive Director, ICDDR-B เป็นนักระบาดวิทยาชาวอเมริกัน ที่ดำเนินการนำ OCV ที่ท่านแรกพัฒนาขึ้นไปสู่การใช้ประโยชน์แก่มนุษยชาติอย่างแพร่หลาย ที่จริงเรื่องการพัฒนาและใช้ประโยชน์ OCV นี้ คณะกรรมการตัดสินรางวัลทั้งฝ่ายไทย และนานาชาติจ้องจะให้รางวัลมาหลายปีแล้ว ติดขัดอยู่สองประเด็น คือ (๑) ไม่เห็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก และอหิวาต์ยังระบาดเท่าๆ เดิม (๒) เกรงจะส่งสัญญาณผิด ว่าการแก้ปัญหาการระบาดของอหิวาต์ วิธีการหลักคือให้วัคซีน ซึ่งผิด วิธีการการกวาดล้างอหิวาต์ที่ถูก ต้องทำโดยพัฒนาระบบสุขาภิบาล และสุขนิสัยของคน ซึ่งประเทศไทยเราได้ผ่านขั้นตอนนั้นไปแล้ว แต่บังคลาเทศยังมีปัญหาอยู่ สมเด็จพระเทพรัตน์ทรงเล่าการเสด็จบังคลาเทศ ไปเยือน ICDDR-B และไปเห็นคนบังคลาเทศใช้มือหยิบอาหารเข้าปากโดยไม่ล้างมือก่อน
พิธีประกาศรางวัลจัดไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน (๒) (๒.๑)
ทุนเยาวชนรุ่นที่ ๑๐ (ประจำปี ๒๕๖๑) ได้แก่ นศพ. จากจุฬา ๒ คน, รามา ๑, ศิริราช ๑, ขอนแก่น ๑ และได้ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน (๓)
ในฐานะประธานดูแลงานเชิงวิชาการทั้งสามด้าน ผมมีหน้าที่คอยให้คำแนะนำและส่งเสริมให้ผู้รับผิดชอบงานตัวจริงได้แสดงฝีมือความสามารถ และเป็นผู้เสนอรายงานต่อที่ประชุม ผมคอยเสริมประเด็นสำคัญบางประเด็นในที่ประชุมเท่านั้น
เป็นการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง โดยอาศัยพระบารมีของสมเด็จพระบรมมหาราชชนกในรัชกาลที่ ๙ ของสมเด็จองค์ประธานมูลนิธิ และของพระราชจักรีวงศ์
ผมบันทึกการประชุมมูลนิธิฯ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ที่ (๔)
วิจารณ์ พานิช
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ไม่มีความเห็น