กิเลสจะลดลงได้ไม่ใช่เพราะรักษาศีลเพียงเท่านั้น
ไม่ใช่เพราะมีสมาธิไปกดข่มไว้
ไม่ใช่เพราะคิดดี คิดบวก
ไม่ใช่เพราะการโปรแกรมจิตให้คิดดี
วิธีเหล่านี้ คือ เอาความดีไปข่มกิเลส
กิเลสจะลด เพราะเจริญสติ สมาธิ ปัญญา ให้ถูกวิธี
จนเวลาที่เหมาะสม จิตจะเกิด ปัญญาญาณ
เห็นความจริงว่า กิเลส คือ โลภ โกรธ หลง เป็นต้นเหตุของทุกข์
เห็นความจริงว่า กิเลสเกิดจากจิตปรุงแต่ง
เมื่อขาดสติแล้วจิตไหลตามอารมณ์จนเกิดเป็นความทุกข์
เมื่อจิตเห็นดังนั้น จิตจะเข้าใจลึกซึ้งด้วยตัวจิตเอง
เห็นถึงโทษภัยของกิเลส จิตจะเกิดหิริโอตตัปปะปะละอายและเกรงกลัว ในบาป ในกิเลส
จิตจะไม่ปรุงตามอารมณ์จิตจะพยายามมีสติ
จิตจะไม่เอากิเลส จะปล่อยวาง
เกิดอตัมมยตา ที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านว่า... “กูไม่เอากับมึงแล้ว”
เมื่อจิตปล่อยวาง ความทุกข์จะลดลง
อะไรที่เคยประสบแล้วทุกข์ใจ ก็จะเลือนหายไปเองได้อย่างอัศจรรย์
เจอคนที่เคยเคียดแค้น ก็จะไม่รู้สึกเคียดแค้น
เจอเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ ก็จะรู้สึกปกติ
เจอของรักของชอบที่เคยหลงใหล ก็จะถอดถอนตัวได้ ไม่ลุ่มหลงมัวเมา
นั่นแหละกิเลสจึงจะลดลงจริงๆ
เมื่อนั้น จิตจะปลอดโปร่ง โล่งเบา สบายใจขึ้น
ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่อารมณ์เสียง่าย ไม่ซึมเศร้า
รู้ ตื่น เบิกบาน
เพราะเหตุจากการฝึกเจริญสติ สมาธิ และปัญญา
จนเกิดปัญญาญาณ เกิดหิริโอตตัปปะ และเกิดอตัมมยตา ตามลำดับ เช่นนี้แล
ไม่มีความเห็น