บทสนทนา..ของเหงือกและฟัน เจรจาต่อปากต่อคำในปากผม ผมไม่เห็นหรอก แต่ความรู้สึกมันบอกได้ว่า..ทั้งสองกำลังร่ำลากันอยู่..
นับตั้งแต่ผมไปหาทันตแพทย์ครั้งแรกเพื่อถอนฟัน จากนั้นคุณหมอก็บอกว่าโรคเหงือกกำลังจะถามหา ผมแปลกใจจะเป็นไปได้อย่างไร? ก็ผมแปรงฟันทุกวัน แต่ไม่ทันแล้ว..ผมขอรับใบนัดเพื่อตรวจและรักษาเป็นที่เรียบร้อย
วันนี้..เป็นครั้งที่สามในรอบสามเดือน..ทุกครั้งจะเหมือนๆกัน ต่างกับครั้งแรกบ้างนิดหน่อย ครั้งแรกคุณหมอจับเอ๊กซเรย์ทั้งปาก และจะบอกขั้นตอนและวิธีการรักษา ซึ่งผมก็ตั้งใจฟัง แต่สงสัยว่าคุณหมอจะบอกผมทำไม? แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว..
คุณหมอบอก..การรักษาโรคเหงือกต้องใช้เวลาและต้องรักษาต่อเนื่อง มีค่าใช้จ่ายพอสมควร ที่สำคัญต้องพร้อมที่จะมาตามนัดได้ ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ต้องรับนัด คุณหมอจะได้ใช้เวลาเพื่อการรักษาคนอื่นที่จะต้องมาตามนัดเหมือนกัน..
ครั้งที่สองและสาม..ผมไปพบคุณหมอได้ตามใบนัด เท่ากับว่าผมมีวินัยในการดูแลตัวเอง และจะต้องรับนัดต่อไปอีกในเดือนตุลาคม..
ผมเรียนรู้เรื่องเหงือกและฟันจากประสบการณ์ตรง จึงต้องกำชับนักเรียนให้ระวังป้องกัน รักษาปากและฟันให้สะอาดด้วย ..แต่แล้วก็พลาดอยู่ดี
สัปดาห์ก่อน..คุณหมอจากโรงพยาบาล...มาตรวจนักเรียน ป.๑ – ป.๖ สีหน้าคุณหมอไม่สู้ดี อันเนื่องมาจากค่าสถิติหรือร้อยละของนักเรียนที่ฟันผุสูงขึ้น ตามปริมาณนักเรียนที่เพิ่มขึ้น..
ผมไม่ได้ละเลย แต่นึกไม่ถึงว่าจะมากมายถึงร้อยละ ๖๐ ของนักเรียนแต่ละห้อง จะต้องนำใบนัดที่คุณหมอเขียนให้ ไปบอกผู้ปกครองให้พาไปพบคุณหมอเพื่อถอนและอุดฟัน
ผมให้ครูจดบันทึกข้อมูลเป็นรายบุคคล เพื่อเข้าถึงปัญหาปากและฟันนักเรียน จากนั้น..ทำหนังสือถึงผู้ปกครองขอความร่วมมือให้พาบุตรหลานไปพบหมอ ให้แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม หรือในช่วงปิดภาคเรียน..
วันนี้..ผมนอนอ้าปากให้คุณหมอตรวจ หลับตานึกถึงนักเรียน..ถ้าเธอเชื่อครู เธอจะไม่ต้องเป็นเหมือนครู ไม่ต้องเสียเวลาและ ไม่ต้องเจ็บทั้งปากและฟัน แต่ครูต้องเจ็บเหงือกด้วย..
ครั้งที่แล้ว...เจ็บจี๊ดที่เหงือก และรู้สึกว่าในปากเหมือนโพรงถ้ำ คุณหมอเอาเครื่องมือเป็นเหล็กที่แข็งแรง ไปขูดและขุดผนังถ้ำ เพื่อให้หินปูนหลุดออกมา เสียงภายในถ้ำ(ปาก) ดังสนั่นหวั่นไหว
วันนี้..ผมรู้แล้วว่าคุณหมอจะทำอะไรก่อน..สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่เหงือก รู้ได้ทันทีว่า คุณหมอฉีดยาชา ฉีดอยู่หลายจี๊ดจนชาไปทั้งปาก
“อ้าปากกว้างๆครับ เอียงซ้ายนิดนึง” คณหมอบอก ผมปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย คุณหมอใส่เครื่องมือเข้าไปในปากผม จากนั้น..เสียงเหมือนพายุใต้ฝุ่นกำลังถล่มถ้ำ เสียงน้ำซัดสาดเหมือนท่อประปาแตก ตามด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าด ฟังเหมือนใครมาอ๊อกเหล็กอยู่ในปาก
คุณหมอให้ผมบ้วนปาก ก่อนลงมือต่อไป..คราวนี้คุณหมอเตือนผม “ไม่ต้องเกร็ง หายใจลึกๆ” ผมไม่ได้เกร็ง ผมเมื่อยปากและหายใจไม่ถนัด
คุณหมอเริ่มขูดและงัดแรงขึ้น แต่ผมไม่เจ็บ “อย่าขยับลิ้นสิครับ มันทำให้ทำงานยาก” คุณหมอเตือนผม..คงคิดว่าผมเล่นลิ้น จริงๆผมไม่รู้ตัว ผมจะขยับได้ไงในเมื่อผมชาไปทั้งปาก
ผมบ้วนปากอีกครั้ง คราวนี้มีเลือดออกมานิดนึง ปากเริ่มเจ่อ ริมฝีปากเหมือนจะบวมโต..คุณหมอบอกว่าเสร็จแล้ว..”ถ้าปากยังชาอยู่ ยังเพิ่งทานอะไรนะครับ” คุณหมอพูดส่งท้าย..
ผมเดินไปจ่ายเงินที่เจ้าหน้าที่ พร้อมรับใบนัดครั้งต่อไป..ความรู้สึกในหัวใจ อบอุ่นและไร้กังวลไม่ต้องกลัวอีกแล้วว่าเหงือกจะต้องจากลาฟัน หรือว่าฟันจะต้องเลิกคบกับเหงือก..ทั้งสองเริ่มสร้างมิตรภาพใหม่..ด้วยรักและผูกพัน
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๓ กันยายน ๒๕๖๑
อาจารย์บรรยายจนเข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ ช่องปากนิดเดียว แต่ความรู้สึกขยายใหญ่นะคะ
ดีใจที่อาจารย์สนใจปากและฟันเด็ก ๆ ผู้ปกครองนะคะสำคัญมาก
ถ้ามีโอกาสนัดพร้อมกันพบคุณหมอแต่เนิ่น ๆ ก่อนลูกจะมีปัญหา คิดว่าคุณหมอเต็มใจอยากพบปะผู้ปกครองตอนลูกฟันสวย สบายดี มีสาระสิ่งดีมาฝาก โน้มน้าวให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานเพิ่มขึ้น
มากกว่ารอพบผู้ปกครองตอนมีปัญหามากแล้วแน่ ๆ ค่ะ
ขอบคุณครับ คุณหมอ