Lyric Theatre Broadway , NYC
ฝูงชนจำนวนหลายร้อยคนยืนต่อแถวยาวเหยียดในช่วงเวลาบ่ายโมงเพื่อรอเข้าไปชมละครเวทีเรื่อง Harry Potter and the Cursed Child
ทุกคนต่างทยอยเดินเข้าที่นั่งจนครบ ก่อนการแสดง 20 นาที ผู้เขียนนั่งจินตนาการตั้งแต่จองตั๋วได้ ว่าละครเรื่องนี้จะแสดงพลังสื่อให้เห็นอภินิหารของเวทย์มนตร์ออกมาในรูปแบบใด ถึงจะยิ่งใหญ่อลังการสมจริงสมจัง ถ้าเป็นภาพยนตร์น่าจะทำได้ง่ายกว่า เพราะสามารถใช้เทคนิค-โปรแกรมจากคอมพิวเตอร์ ช่วยตัดต่อ-เสริมเติมได้มากมาย
นาทีแห่งการรอคอยก็มาถึงตรงตามกำหนดเป๊ะ ละครเปิดตัวนักแสดงหน้าม่าน ได้อย่างตื่นเต้นและประทับใจ บรรดาเหล่าพ่อมด –แม่มดทั้งหลายต่างสะบัดผ้าคลุมไหล่สีดำยาวกรอมเท้า กันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะปิดไฟไล่ระดับแสงเหมือนก้าวเข้าสู่ประตูมิติแห่งกาลเวลา โดยเน้นให้เห็นเข็มของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนไว้บนฉาก หมุนเข็มย้อนกลับสู่อดีตไปตามตัวละคร หรือหมุนเข็มวิ่งฉิวไปสู่อนาคตกาลตามการดำเนินเรื่องของบทละคร
ผู้เขียนนั่งนิ่งเฝ้าติดตามเรื่องราวดั่งถูกมนตร์สะกดตรึงไว้กับที่ เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าตื่นเต้นคุ้มค่ากับการลงทุน-ลงแรงที่มานั่งชม เป็นละครที่สนุกมาก ทั้ง 2 Part มีการตกแต่งฉาก ใช้เทคนิคคล้ายกับมายากลในฉากสำคัญๆ ที่สร้างความเร้าใจได้อย่างน่าชื่นชม โดดเด่นทั้งระบบแสง-สี-เสียง และการแสดงที่เป็นธรรมชาติสมจริงของนักแสดงระดับมืออาชีพ คู่ควรกับการเป็นละครของ Broadway
ขอคารวะจากหัวใจให้กับ Harry Potter and the Cursed Child สุดยอดละครเวทีที่ดีที่สุดเท่าที่ได้ชมมา
Helicopter ชมทัศนียภาพเหนือฟ้า NYC
Walk in ไปซื้อตั๋วได้ในราคา 219 เหรียญ เพื่อนั่งHelicopter ชมทัศนียภาพเหนือฟ้า NYC ถามว่าจำเป็นแค่ไหน ...ก็แค่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ เพราะชอบสิ่งที่มันตื่นเต้นเล็กๆแต่ไม่ถึงกับผาดโผน
พนักงานจัดลูกค้า 5 คนให้ขึ้นเครื่อง Helicopter ลำนี้ โดยพิจารณาจาก น้ำหนักเป็นเกณฑ์ ทั้งๆที่ผู้เขียนเพิ่งซื้อตั๋ว ยังไม่ได้เตรียมตัว-เตรียมใจ ...สัมภาระก็ยังถืออยู่ในมือ...พนักงานต้องมาช่วยนำไปใส่ล็อกเกอร์ให้อย่างเร่งรีบ เนื่องจากผู้เขียนมีน้ำหนักตัว 47 กก. พอรวมกับผู้โดยสารอื่นอีก 4 ท่านแล้วมัน Balance กันพอดี จึงได้รับเชิญให้ไปขึ้นเครื่องก่อนเลย นั่งด้านหน้าสุดคู่กับสาว 1 ราย ส่วนอีก 3 รายนั่งด้านหลัง
พนักงานขับเครื่องบินเอ่ยทักทายลูกค้าตามธรรมเนียม แล้วถามว่า มาจากไหนกันบ้าง 3 คนมาจากสเปน อีก 1 คนจากไหนจำไม่ได้ พนักงานขับเครื่องบินคงคิดว่าผู้เขียนน่าจะมากับคนด้านหน้า จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องสภาพอากาศต่อ ผู้เขียนจึงรีบแทรกว่า " เดี๋ยวซิ ฉันเนี่ยมาจากประเทศไทยนะ " เขาเลยบอกว่า อ๋อ มาจากประเทศไทยเหรอ ยินดีต้อนรับครับ จริงๆไม่ใช่อยากเสนอหน้าไรนะ (ตามที่เพื่อนรายหนึ่งแซว) แต่ไหนๆก็ลงทุนค่าตั๋วไปตั้งหลายพันบาท มันต้องได้ประโยชน์ในการเอ่ยชื่อประเทศไทยเพื่อการประชาสัมพันธ์บ้างซินะ ถึงจะคุ้มค่า
นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิตที่ได้ขึ้น Helicopter แต่ลำนี้จะเล็กกระทัดรัดกว่า จึงได้รับรู้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นแบบเต็มๆ ยามที่เครื่องบินยกตัวขึ้น ไต่ระดับลง หรือขยับเลี้ยวไปซ้าย-ขวา
*** การได้ชมทัศนียภาพเหนือท้องฟ้า NYC ด้วย Helicopter จะต่างไปจากขึ้นไปชมบนตึกสูงๆ ตรงที่ ได้มุมมองกว้างแบบไม่มีสิ่งกีดขวาง ดีกว่าการชมภาพ 4 มิติ แถมได้ความรู้สึกตื่นเต้นระทึกใจ ***
*** ขอแนะนำว่าควรขึ้นเครื่องบินชมทัศนียภาพจะได้เห็นภาพแบบ Realistic Sceneryและได้บรรยากาศที่น่าประทับใจ ***
รวมเวลาในการมาปฏิบัติหน้าที่ Chaperone และศึกษาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ 16 วันเต็ม (8-23 สิงหาคม 2561) ใช้เวลาในการเดินทางอีก 3 วัน ( ออกเดินทางวันที่ 7 กลางตืน และเดินทางกลับวันที่ 23 กลางคืน ถึงเมืองไทยเช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2561) แต่ทำการบันทึกได้ 17 ตอน(รวมบันทึกนี้)
ฉลองวันเกิดหลานสาวล่วงหน้า 1 วัน ด้วยอาหารที่ผู้เขียนอยากรับประทาน หุุหุหุ
*** สาส์นสำคัญจากหัวใจ ***
***... ขอขอบพระคุณเอเอฟเอส ประเทศไทย ที่ให้โอกาสดีๆ ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ Chaperone จึงได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันล้ำค่า ขอขอบคุณโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคมที่ให้การสนับสนุนและเห็นคุณค่าของการพัฒนาฯ ขอขอบคุณเพื่อน-ญาติ-มิตร และ ครอบครัวที่เป็นกำลังใจที่ดี และสุดท้าย...ขอขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามอ่านมาถึงตอนสุดท้าย นี้นะคะ ...***
ไม่มีความเห็น