ระหว่างวิ่งออกกำลังกายเมื่อเช้า ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตัวเองเรียนจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์ ใช้ชีวิตและทำงานจนลืมไปว่า “เคยเรียน” หลายคนเคยบ่นให้ฟังว่าวิชาหรือเรื่องเศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องเข้าใจยาก ผมก็ว่ามันยากจริง ๆ โดยเฉพาะตอนเรียนเขียนกราฟและวิเคราะห์ค่าต่าง ๆ ในทางทฤษฎี...แต่มุมหนึ่ง เศรษฐศาสตร์ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ๆ เพียงแต่ว่าเวลาเรียนหรือใช้พูดคุยกับคนทั่วไป เศรษฐกรมักใช้คำดูหรูหราฟู่ฟ่าตีกระบังผมหรือใส่สูทให้ดูโก้ เพื่อให้คนเชื่อว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง จะใส่เสื้อยืด คอกลม รองเท้าฟองน้ำ พันผ้าพันคอด้วยผ้าพื้นเมือง...ใครเขาจะเชื่อ.... เอ้า นอกเรื่องไปซะไกล
หลายครั้งที่ต้องพึ่งพาอาศัยโรงอาหารของมหาวิทยาลัยเป็นกำลังของกองทัพ...ที่ต้องเดินด้วยท้อง เดินไปชี้นิ้วสั่งอาหารข้าวราดแกงหรือแกงราดข้าว สองอย่าง 23 บาท 3 อย่าง 28 บาท หากเป็นเมนูไข่ก็เพิ่มไปอีก 5 บาท อย่างมากไม่เกิน 30 บาท
แต่กระนั้น... เวลาเผลอไปทานร้านข้างนอกรั้วมหาวิทยาลัยหรือพอจะมีเวลาว่างบ้าง กลับรู้สึกถึงความต่างของราคาอาหารข้าวราดแกง...ที่อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะสัก 40-50 บาท จึงทำให้มองเห็น “สวัสดิการ” ที่ถูกควบคุมจาก “รัฐ” คือ มหาวิทยาลัย เพื่อตรึงหรือกำหนดราคาให้ถูกลง(กว่าท้องตลาด) ด้วยหวังจะเป็นสวัสดิการของนักศึกษาและบุคลากร... ราคาที่แตกต่างกัน อาจจะเป็นสวัสดิการอีกรูปแบบหนึ่ง (ที่หลายคนอาจลืมไปหรือไม่ทันฉุกคิด) ... ราคาที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ระดับไหน จึงจะสมดุลทั้งสองฝ่ายคือผู้ซื้อและผู้ขาย...พูดให้ยากแบบมีศัพท์แสงคงใช้คำว่า จุดดุลยภาพหรือราคาดุลยภาพ สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน... ราคาที่แตกต่างกัน น่าจะใช้คำว่า “สวัสดิการ” ได้.... ถ้าเรายังไม่กล่าวถึงเรื่อง “คุณภาพ” ของสินค้า
ที่เขียนเล่ามา เป็นความรู้สึกล้วน ๆ อย่าได้สนใจว่าใช้ทฤษฎีหรือวิธีคิดแบบเศรษฐศาสตร์ที่ถูกต้อง...เพราะคืนอาจารย์ไปนานแล้ว ที่เหลือคงมีเท่าหางอึ่ง
ณ มอดินแดง, 14 กันยายน 2561
ปล. ที่เขียนเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าง แต่เครียด หาวิธีระบายความเครียด
ไม่มีความเห็น