อ่างทอง...เมืองของคนวิเศษ


จากอุทัยไปอ่างทอง แค่ฉันอยากไปเที่ยวเมืองในภาคกลางที่ไม่เคยไป แต่เพราะเรื่องราวของตำนานคนวิเศษชัยชาญทำไมถึงมีอันจะกิน ความเกี่ยวพันของขุนพันธ์(ที่ฉันคลั่งไคล้) กระแสออเจ้ากับเมืองเก่า หรือเพราะมีคนที่อาจจะเรียกว่ารู้จักเป็นคนถิ่นนั้น แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดมันก็ทำเป็นที่มาของบันทึกนี้

วันที่ 3 ของทริป สายหน่อยเรา Check out จากอยู่แพโฮมสเตย์ ข้ามฝั่งไปเที่ยววัดอุโปสถการาม 

วัดนี้มีรูปภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามวิจิตร มณฑปแปดเหลี่ยมที่เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทย-จีน-ตะวันตก ได้รับรางวัล ASA Conservation Award การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ในปี 2536

ด้านหลังโบสถ์มีเจดีย์สามสมัยที่ให้คนพบเห็นได้ศึกษารูปทรงของเจดีย์แบบต่างๆ พร้อมด้วยแพโบสถ์ลอยน้ำตามวิถีคนริมน้ำ ที่อดีตได้สร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จรัชกาลที่ 5

ก่อนออกไปอ่างทองเราแวะวัดเล็กๆในเมืองได้ 2 แห่ง ดูท่าจะมีอายุนานมาก และสถาปัตยกรรมแปลกตา ซึ่งฉันจำชื่อไมไ่ด้เลย


จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปอ่างทอง แม้จะมี GPSให้ใช้แต่ฉันก็ไม่ชอบใช้ รำคาญเสียงบอกทาง ระหว่างนั่งเป็นนาวิกเกเตอร์ บางช่วงGPS พาลัดเลาะไปกับถนนสายแคบๆ บางทีก็ตามคลองส่งน้ำ เราไม่ได้กลัวหลงแต่ก็อดไม่ได้ที่ไลน์ถามพี่ที่เป็นคนแถวนี้...ว่า ทำไมบนถนนไม่มีป้ายอ่างทอง...มันอยู่ตรงไหนของโลก

เราอยากกิน ก๊วยเตี๋ยวไส้เนื้อ ของอ่างทอง เห็นในรีวิวมีหลายร้าน --- แต่โผล่เข้าอ่างทองอีท่าไหนไม่รุ ขับผ่านเมืองไปเฉยเลย อดกินก๋วยเตี๋ยวเลย ดูว่าก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เรียกชื่อแบบนี้มีเฉพาะอ่างทอง...พลาดแระ...ต้องหาโอกาสลอง

เราแวะที่วัดไชโย แม้ฉันจะลาบวชไปเป็นแม่ชีอยู่ถึง 3 เดือน แต่วัดภาคกลางก็ทำให้ฉันทึ่งในความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่บรรพกาลที่สะสมพัฒนาสร้างวัดมาจนถึงทุกวันนี้  

อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อน ทำให้การเดินชมของเราไม่ค่อย Work ฉันเลยนั่งพักเงยหน้าสบตาพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่นานโข... ระลึกถึงการดับอารมณ์โกรธ...หากนิ่งได้เหมือนพระพุทธรูปก็คงดี

เดินมาหน่อย ฉันเรียกไม่ถูกว่าเป็นโบสถ์หรือวิหาร ที่อยู่ด้านในติดแม่น้ำ ภาพวาดฝาผนังแปลกตาดี

เรา Check in มื้อบ่ายๆ ที่ร้านผัดไทยข้างวัด ร้านกุ้งยิ้ม  เป็นผัดไทยมันกุ้งรสจะออกหวานๆ หน่อย ก็อร่อยของเค้า  อดถึงส้มตำบ้านฉันไม่ได้ ถ้าขายข้างกันคงกินเข้ากันดี ผัดไทยไชโย มี 2 ร้าน ร้านหนึ่งอยู่ในวัดขายเฉพาะวันเสาร์-วันอาทิตย์ (ร้านไอ้น้อย) ส่วนอีกร้านก็กุ้งยิ้มนี่แหล่ะ

เริ่มมองหากาแฟ แต่ถึงวัดขุนอินทประมูลก่อน คิวกาแฟเอาไว้เวลาถัดไป น่าสนใจกับประวัติที่มาของวัด 

จนฉันอยากไปนอนเล่นบ้านที่มีปู่ย่าตายายของคนแถวนี้ เพื่อที่จะฟังเรื่องเล่าในอดีตของคนสมัยก่อนดูท่าจะสนุกเหมือนเห็นในละครจากทีวี

ก่อนไปวัดม่วง ต้องเติมกาแฟอีน ฉันมีความสนใจสไตล์ตกแต่งร้านกาแฟ The Lao cafe มันดูอุ่นๆและลงตัวกับการ Mix&Math แต่ด้วยความขี้เกียจกลับรถ เราเลือกร้านมะขามคาเฟ่ที่มองเห็นทุ่งข้าวเขียวๆ  แต่ภาวะอากาศร้อน ไม่เหมาะกับการกินอเมริกาโน่หรือเอสเปรสโซ่ร้อนแบบ Outdoor แอร์เท่านั้นที่เราต้องการ 555+ ทั้งที่ร้านมะขามวิวดีมองผ่านทุ่งนาเขียวๆจะเห็นพระพุทธรูปองค์โตของวัดป่าม่วง

ทำให้เรา u-turn มาที่ร้าน The Lao café &resort และก็ไม่ผิดหวังดูการตกแต่งร้านมันสัมผัสความรู้สึกได้ดี ดีกว่าเห็นจากรีวิว 

กาแฟร้อนกับแอร์เย็นๆ  มันทำให้เป็นการพักรถพักคนไปในตัว  



นอกจากนั้นมันทำให้เรามีเวลาส่วนตัวหลังจากตัวติดกันมาทั้งวัน  บางคนง่วนกับการทำงานผ่านมือถือ 

บางคนสนุกกับการถ่ายรูป และฉันสนุกกับการ Up รูป 

อยู่ๆ พี่เจ้าของร้านโผล่มา นับเป็นโอกาสดีที่พี่เค้ามีเวลานำชมการตกแต่งร้าน ทำให้การกินกาแฟเป็นมากว่าการกินเบรกบ่ายเพราะได้ไอเดียในการตกแต่งไปด้วย ฉันพูดเสมอว่าความกล้าในการตกแต่งและใช้สีเป็นความท้าทายมาก

ได้คาเฟอีนแล้ว ร่างกายก็เฟรช เราไปกราบพระที่วัดม่วง โบสถ์แก้วและพระองค์ใหญ่ ศรัทธาของมนุษย์นี่ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน 


บริเวณวัดกว้างใหญ่ จัดสร้างสิ่งต่างๆ ให้ผู้คนได้เรียนรู้...นับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนที่พ่อแม่พาลูกหลานมาศึกษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

แดดบ่ายร้อนจัดมาก เล่นเอาพวกเราถอดใจในการไปกราบพระองค์ใหญ่...ทกอย่างอยู่ที่ใจ นะ 

ค่ำมาพี่เจ้าของร้านกาแฟมีน้ำใจบอกว่า ถ้าไม่รุจะกินข้าวเย็นตรงไหนให้สอบถามมา เราไม่ได้รบกวนเพราะได้ข้อมูลน้องๆร้านกาแฟ...แนะนำร้านเอนกาย ที่พูดสำเนียงเหน่ออ่างทองแล้วฉันได้ยินว่า ร้านเอ็นไก่ ฮร่าๆๆๆๆ ฮาตัวเอง

มิน่าค้นหาใน Map ไม่เจอ งานนี้เเลยไม่ต้องรบกวนพี่เค้า...ไม่งั้นอาจจะต้องไปกินถึงนครสวรรค์ 555

วงสังสรรค์เล็กๆระหว่างเรา -3 คนเริ่มขึ้น บรรยากาศเก่าๆ เริ่มหวนมา คิดถึงเพื่อน วันนี้แค่ความคิดถึงมันทำงาน โลกเปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยน ...คนเกิดก่อนคนหนึ่งกล่าวถึง เพื่อน ว่า  ไม่มี-ไม่คบ...มันใช่ไหม?...คงไม่มีถูกไม่มีผิด ชีวิตก็คงดำเนินต่อ เพื่อนไม่ได้ทำให้ฉันหายใจโล่งขึ้นแต่ทำไมวันนี้ฉันคิดถึงเพื่อน


กลับเข้าที่พักก็แอบหัวเราะไม่ได้...เอาแค่นอนนะ "มีดีรีสอร์ท" ที่ประตูห้องน้ำเราเป็นรูปผู้หญิงใส่บิกินี่  สะอาด กว้างขวาง ราคาถูก ปลอดภัย อาจจะทำให้คนเข้าพักคิดซนๆ บ้าง แอบกดรีโมททีวีเผื่อมีช่องแปลกโผล่มา 555+ ไม่ยักเจอ มีร้านกาแฟสดและร้านอาหารในบริเวณที่พักซึ่งจะเปิดขายวันสุดสัปดาห์ ส่วนวันปกติมีการแฟ 3 in 1 บริการฟรี  มีบริเวณให้เดินเล่นออกกลังกายในเวลาเช้าๆหรือเย็นๆ   ที่พักในอ่างทองยังน้อย มีให้เลือกไม่มากนัก แต่ถ้าราคาสูงไป...เฉพาะเข้านอน...ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง

เช้ามาเราไปเดินที่ตลาดเช้า ศาลเจ้าโรงทอง หรือตลาดวิเศษชัยชาญ

แอบเหล่ร้านกาแฟ เพราะปกติกินกาแฟเป็นของเช้า แต่ฉันเลือกที่จะผ่านเลยไป 

วันหยุดมีส่วนตลาดขยายไปริมน้ำ แต่วันนี้เราไปเป็นวันธรรมดา เลยดูชีวิตชาวบ้านร้านวิถีของคนที่นี่...และเดินชมความเป็นอยู่ในอดีตที่มีลมหายใจถึงปัจจุบัน 

ตลาดวิเศษชัยชาญใหญ่มากกกกกกกกก ถ้าเทียบกับขนาดความเป็นอำเภอ และขนาดของพื้นที่ของจังหวัดอ่างทอง จนฉันอดถามว่าของขายเยอะขนาดนี้ขายให้ใคร... ผู้คนน่ารักมีน้ำใจ 


ฉันไม่ได้เดินตลาดนานแล้ว ปกติออกทริปหากเป็น Slow Life ถ้ามีเวลาพอเราไม่ค่อยกินอาหารของที่พัก..มาเปิดวาร์ปของกินเอาสดๆ ใหม่ๆ ตามใจเลย


วันนี้คงเป็นวันดีเพราะเช้านี้ได้มีโอกาสเดินเล่นไปไหว้พระในศาลเจ้ากวนอู...ซึ่งอยู่ด้านหลังตลาด

ตลาดโบราณ ศาลเจ้าโรงทอง ได้ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสอดีตที่ยังมีลมหายใจ แต่เปรียบไปก็เหมือนคนแก่ที่ชราภาพ ลมหายใจรวยริน เป็นโจทย์ที่น่าคิดมากมาย ว่าต้นทุนเดิมจะสร้างคุณค่าและต่อยอดได้อย่างไร 

ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างฉันว่างเมื่อไหร่อะไรน่าสนใจเราจะไปให้ถึง

ร้านข้าวมันไก่แบบรถเข็น ดึงดูดให้เราแถไปนั่ง ขนมจีบที่คนขายขับมอเตอร์ไซค์ขาย มันอร่อยมากขอบอก



ฉันอยากแวะดูร้านของเก่าชื่อร้านลุงอะไรสักอย่างใกล้ๆตลาด  คงถูกโห่....มาดูถึงอ่างทองเนี่ยะนะ...เป็นอันผ่าน...


สายหน่อยเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของออกจากที่พัก ไปหมู่บ้านเรือนไทยไผ่ดำพัฒนา หัวเราะอีกแล้ว ถนนเกๆ แต่ทุ่งข้าวเขียวขจี ที่บ้านเรือนไทยนี้ต้องมาโฮมสเตย์หรือมาจัดงานแต่งงาน...แต่คงต้องหาเจ้าบ่าวก่อน มาแค่ชมก็ไม่มีอะไร  แต่เราไม่เสียเวลาหรอกด้วยเป็นทางผ่านไปวัดป่าโมกพอดี  

วัดป่าโมก ที่มีพระนอนประดิษฐาน เป็นจุดที่หญิงแอ้ Request

คุณลุงมัคทายกวัดที่เล่าเรื่องสมัยก่อนกับการชะลอพระมาประดิษฐาน พร้อมบอกเล่าถึงขนาดขององค์เดิม คราวนี้คุณลุงมีเสน่ห์ เราติดการเล่าเรื่องของคุณลุง ใช้เวลาฟังเป็นชั่วโมงเชียว

ออกจากวัดป่าโมกเราไปหมู่บ้านปั้นตุ๊กตาชาววัง เพราะเป็นทางผ่านไปจังหวัดอยุธยา 

นอกจากการเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่ของคนไทยผ่านตุ๊กตาปั้นแล้ว ณ ที่นี้เรายังได้รู้เรื่องนายขนมต้ม เพิ่มเติม เนื่องจากนายขนมต้นเป็นเขยหมู่บ้านนี้



พี่เจ้าถิ่นบอกว่าคนอ่างทองชอบไปกินไปพักที่นครสวรรค์ หรืออยุธยา ใกล้กันไม่เกิน 1 ชม. มื้อเที่ยงค่อนบ่ายเราจึงฝากท้องไว้อยุธยากัน

ขับรถมาตามถนนสายเล็กๆ เผลอแพล้บๆ ก็ถึงเมืองเก่าของเราแต่เก่าก่อน

ฉันไม่ได้เชื่อพี่แกหรอกนะ  5555+ แต่เราปักหมุดอยู่แล้วว่าจะไปกินกุ้งเผาที่ตลาด อตก. ยุดยา...เพราะที่นี่ย่างกุ้งอร่อย และก็เป็นประเด็นได้คิดตามว่า ทำไมคนอยุธยาย่างกุ้งอร่อย  ต๊อก ติ๊ก ต๊อก เนื้อเด้ง นุ่ม หอมมันกุ้ง รวมถึงห่อหมกหลากหลายชนิด ที่รสกลมกล่อม หนึบหนับ ราคาไม่แพง

บ่ายๆ เราก็ถึงกทม. บ่ายนี้พักเหนื่อยหากาแฟกินในเมืองหลวง  เป็นอันจบทริป พร้อมของฝาก

ปิดทริปด้วยความวิเศษของคนวิเศษ...ด้วยยังเป็นเมืองเดินช้า ร่ำรวยด้วยมรดกทางวัฒนธรรม และผู้คนใจดี

 

 

หมายเลขบันทึก: 650551เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2018 01:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม 2018 11:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท