ปีแรกที่เราเริ่มงานโรงเรียนพ่อแม่ เราติดตามดูผลลัพธ์พบว่าอยู่ในเกณฑ์ดี-ดีมาก คะแนนความรู้ดี ลูกมีพัฒนาการดี ที่เห็นชัดๆ คือ
น้องฟิล์มและรางวัลถ้วยพระราชทาน
ดช.เมธาสิทธิ์ บัวพรม..น้องฟิล์ม ที่พ่อแม่ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเองตั้งแต่ตั้งครรภ์และนำสิ่งที่ให้คำแนะนำไปปรับใช้กับลูกด้วยความสุข สิ่งที่เราปลื้มคือน้องฟิล์มได้รับรางวัลถ้วยรางวัลชนะเลิศการประกวดสุขภาพเด็กดีระดับประเทศจากในหลวงของเราและได้รับถ้วยพระราชทานชนะเลิศระดับภาคจากพระบรมโอรสาธิราช เนื่องในโอกาสครบรอบวันประสูติพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเจริญพระชรรษาครบ 1 ปีครบรอบวันประสูติ จะเห็นได้ว่า
"การเรียนรู้ที่มาจากความสนใจของพ่อแม่ จนกระทั่งนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้จริง..ย่อมส่งผลให้เด็กเก่ง ดี มีสุขได้"
จากผลสำเร็จในปี 2547 นั้นต่อมาเราจึงพัฒนาหลักสูตรดังกล่าว มาใช้กับกลุ่มพ่อแม่ทุกคนที่มาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 8 โดยคาดหวังว่าจะได้ 100% ทดลองศึกษาหารูปแบบมาเรื่อยๆ ตามความพึงพอใจและความสะดวกของผู้รับบริการ ตั้งแต่ทดลองจัดรูปแบบตลอดการตั้งครรภ์อบรมวันเดียวจบหลักสูตรหรือที่เราเรียกว่า"หลักสูตรเร่งรัด" เปรียบเทียบกับหลักสูตรปกติที่สอน 3 ครั้งตลอดการตั้งครรภ์โดยให้งานฝากครรภ์ดำเนินการเองในงาน routine โดยคาดว่าหลักสูตรเร่งรัดน่าจะดีกว่าในทุกๆด้าน ผลพบว่า
หลักสูตรเร่งรัด |
หลักสูตรปกติ |
1. หญิงตั้งครรภ์(ร้อยละ 55.9)ได้รับความรู้มากขึ้นจากเดิมมาก | 1.หญิงตั้งครรภ์(ร้อยละ 46.3)ได้รับความรู้มากขึ้นจากเดิมพอควร |
2. เกือบทั้งหมดของหญิงตั้งครรภ์ได้รับความรู้ครบทุกวิชา | 2.หญิงตั้งครรภ์ได้รับความรู้ครบทุกวิชา 3 คน (ร้อยละ 0.7) |
3. สอบได้คะแนนผ่านเกณฑ์ 80% คิดเป็นร้อยละ 28.9 | 3. สอบได้คะแนนผ่านเกณฑ์ 80% คิดเป็นร้อยละ 10.1 |
4. ได้รับหนังสือคู่มือการดูแลหญิงตั้งครรภ์และทารกแรกเกิดประกอบการสอนฟรี 1 เล่มราคา 80 บาท | 4. หญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 4.9 ไม่ได้รับเอกสารในการศึกษาเพิ่มเติม |
5. เลี้ยงอาหารกลางวันและอาหารว่าง ประหยัดค่าใช้จ่ายต่อหญิงตั้งครรภ์และญาติ 90 บาทต่อคน | 5. ไม่ได้เลี้ยงอาหาร หญิงตั้งครรภ์เสียค่าใช้จ่ายเอง |
6. จำนวนวันที่มาฝากครรภ์เพิ่มอีก 1 วัน | 6. จำนวนวันที่มาฝากครรภ์เท่าเดิม |
7. ได้รับความสะดวกรวดเร็วเพิ่มมากขึ้นจากการฝากครรภ์เทียบเท่ากับโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วไป | 7. ได้รับความสะดวกรวดเร็วเพิ่มมากขึ้นจากการฝากครรภ์เทียบเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน |
8. ความพึงพอใจโดยรวม 82.03 | 8. ความพึงพอใจโดยรวม 86.12 |
จากนั้นคณะกรรมการโรงเรียนพ่อแม่จึงได้มาพิจารณาร่วมกันว่า ทำวิจัยกันซะที...จึงมีผลการวิจัยอย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปในครั้งก่อนๆแล้วนั่นล่ะคะ
" แม้จะให้อะไรฟรีๆตั้งหลายอย่างแต่ก็อาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้รับบริการเราพึงพอใจที่สุด"
แม้วันนี้เราอาจจะยังไม่ใช่ bestpractices แต่เราก็จะไม่ยอมหยุดความคิดที่จะพัฒนาต่อไปหรอกนะ ดังพระบรมราโชวาทของในหลวง พ่อของแผ่นดินของเรา
. . . การให้การศึกษาแก่เด็กต้องเริ่มตั้งแต่เกิด ขึ้นต้น ก็ต้องสอนให้รู้จักใช้อวัยวะและประสาทส่วนต่าง ๆ ต้องคอยควบคุมฝึกหัด จนสามารถใช้อวัยวะและประสาทส่วนนั้น ๆ ทำกิจวัตรทั้งปวงของตนเองได้ เมื่อสามารถทำกิจวัตรของตัวได้แล้ว ถัดมา ก็ต้องสอนให้รู้จักทำการต่าง ๆให้รู้จักแสวงหาสิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการให้ได้มากขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตมีความสะดวกมีความสบาย การให้การศึกษาขั้นนี้ ได้แก่การฝึกกายให้มีความคล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ และสามารถในการปฏิบัติ ประกอบกับการสอนวิชาความรู้ต่าง ๆ อันเป็นพื้นฐานสำหรับการประกอบอาชีพเลี้ยงตัว การให้การศึกษาอีกขั้นหนึ่ง คือการสอนและฝึกฝนให้เรียนรู้วิทยาการที่ก้าวหน้าขึ้นไป พร้อมทั้งการฝึกฝนให้รู้จักใช้เหตุผลสติปัญญาและหาหลักการของชีวิต เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ความเจริญงอกงามทั้งทางกายและทางความคิด . . .