ภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2549 เป็นภาคเรียนแห่งการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจริงๆ เพราะว่ามีแต่การสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทั้งระดับโรงเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับชาติ (NT) ซึ่งการสอบNT นั้นก็ไม่เกี่ยวกับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ดีใจจังเพราะสอน ป.2) จะสอบเฉพาะ ป.3, ป.6, ม.3 (ที่โรงเรียนเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีแค่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3) ผู้อำนวยการโรงเรียน นายฉลวย วงษ์ขวัญเมือง (ขอแอบอ้างชื่อหน่อยนะคะ) ก็มีนโยบายเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยมีวิธีการคือ
การมอบเหรียญรางวัลให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือที่แต่เดิมเรียกว่าวิชาตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ คะแนนเต็ม 100 คะแนน นักเรียนได้ 75-79 คะแนน จะได้ระดับ เหรียญทองแดง 80-84 คะแนน จะได้ระดับ เหรียญเงิน และ85คะแนน ขึ้นไป จะได้ระดับเหรียญทอง ได้ปฏิบัติมาตั้งแต่ปีการศึกษาที่แล้ว จะมีพิธีมอบเหรียญรางวัลในต้นภาคเรียนต่อไป ในพิธีมอบเหรียญรางวัลนี้จะเชิญผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับเหรียญรางวัลมาร่วมพิธีด้วย(มี KMผู้ปกครองด้วยนะ ) และจะมีการถ่ายภาพนักเรียนทุกคนที่ได้รับเหรียญรางวัลคู่กับผู้ปกครองมอบให้ฟรีโดยไม่เก็บเงิน(แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ให้เลยสงสัยผู้ปกครองบ่นอุบไปแล้ว) ก็ทำให้ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนดีขึ้น นักเรียนก็ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองเรียนไม่เก่งจะไม่ได้เพราะเป็นการแข่งกับตนเองทำคะแนนได้ตามเกณฑ์ก็ได้ทุกคน นักเรียนบางคนได้เหรียญทุกวิชาก็มี
กิจกรรมรักการอ่าน (อ่านคล่อง) โดยให้ครูประจำวิชาจะรวบรวมคำ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ทั้งปีการศึกษาจะทำเป็นบท หรือเป็นเรื่องก็แล้วแต่วิธีการ พิมพ์เป็นแบบฝึกอ่านให้กับนักเรียน และก่อนปิดภาคเรียนที่ 1 ให้กำหนดว่านักเรียนจะต้องอ่านได้เท่าไร ตั้งกรรมการสอบอ่าน ครูประจำชั้นประจำวิชาก็ต้องช่วยกันสุดฤทธิ์ในการที่จะทำให้นักเรียนอ่านได้ตามที่กำหนด (ก็มีการรายงานผลการอ่านของแต่ละห้องเรียนใครก็อยากให้ห้องของตนเองผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ห้องก็ผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ โล่งอก) และก่อนปิดภาคเรียนที่ 2 ก็สอบอ่านคำที่เหลือ วิธีการเหมือนเดิม (เหนื่อยอีกแล้วทั้งครูทั้งนักเรียน)
ท่องสูตรคูณ วิธีการก็เหมือนกับ รักการอ่าน คือตั้งกรรมการสอบท่องสูตรคูณ แล้วรายงานผล ครูประจำชั้นกับนักเรียน เช้ามาก็ทำความสะอาดบริเวณไปฝึกท่องสูตรคูณกันไป ช่วงรอยต่อชั่วโมงถ้าครูที่สอนวิชาต่อไปยังไม่มา ก็ท่องสูตรคูณ ก่อนกลับบ้านระหว่างปิดหน้าต่างก็ท่องสูตรคูณไปด้วย เรียกว่าไม่ปล่อยเวลาไปเฉยๆ (เฮ่อ!เหนื่อยทั้งครูทั้งเด็ก) แต่ก็คุ้มเพราะสอบแล้วที่ห้องไม่ผ่าน 1 คน (ที่ไม่ผ่านเพราะไปเจอครูคุมสอบที่นักเรียนกลัวเลยเกร็ง)
และ ล่าสุดมี กิจกรรมแข่งขันอ่านเร็ว โดยจับเวลานักเรียนที่อ่านคำจากแบบฝึกอ่าน ได้หมดทุกคำและใช้เวลาน้อยที่สุด ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ระดับชั้นละ1 คน (ชั้นละ 2 ห้องเรียน ส่งนักเรียนมาแข่งกัน) จะได้รับรางวัล ในงานวันพ่อแห่งชาติ ( ที่ร.ร. จัดวันที่ 4 ธ.ค.) ข้าพเจ้าก็ฝึกซ้อมโดยเลือกนักเรียนที่อ่านเก่งๆ ประมาณ 3 คน (ก่อนแข่งขัน 1 วัน 3 คนนี้ไม่มีการบ้าน ฝึกอ่านอย่างเดียว) และก็สำเร็จ นักเรียนที่ห้องก็ได้มาทั้ง 2 วิชา (เฮ่อ!เหนื่อยทั้งครูทั้งเด็กแต่ไม่เป็นไร สีทนได้ อ้าว!)
นโยบายเพิ่มผลสัมฤทธิ์ยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีอีกเช่น ผอ.ให้ครูไปหาหนังสือเสริมต่างๆ โดยให้การสนับสนุนงบประมาณวิชาละ 200 บาท เพื่อให้ครูได้มีตัวช่วยในการสอน เช่นทำแบบฝึกเสริมในชั่วโมงโฮมรูม (ใจดีจังเลย ผอ. เรา) และยังมีอีกมากมาย
คุณครูท่านใดจะนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ก็ไม่หวงห้ามยินดีให้บริการ ได้ผลอย่างไรหรือมีเทคนิคดีๆ เล่าให้ฟังบ้างนะคะ เราจะได้ช่วยให้การศึกษาไทยพัฒนาต่อไปค่ะ (อะโห อุดมการณ์ซะ)
กระต่าย หมายจันทร์
สู้ต่อไป ทาเคชิ (เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย)
อ่านไปยิ้มไป ต้องชมว่าเยี่ยมจริงๆทาเคชิ ไม่ใช่ๆ เยี่ยมจริงๆครูตุ๊ก และคุณครูท่าไชยทุกท่านด้วย อ่านกิจกรรมที่ทำแล้วทำให้นึกออกว่าเขตพื้นที่ต้องทำอะไรต่อ
สนใจกิจกรรมรักการอ่าน คุณครูทำอย่างไรบ้างเด็กจึงรักการอ่าน และอ่านคล่องฝากครูตุ๊กแกชวนเพื่อนครูคนอื่นมาเล่าด้วยนะคะ