มันมากับอาหาร
นายอานนท์ ภาคมาลี (คนหาปลา ข้าราชการบำนาญ)
ระวังน้ำตาลใน ชาเย็น ชาไทยหรือที่รู้จักกันว่า ชาเย็น ดั้งเดิมนั้นใช้ชาชีลอนมาชงแบบเข้มข้น แต่ด้วยความที่เป็นชาราคาแพง คนไทยจึงใบใบเมี่ยงแห้ง (ต้นชาพื้นเมือง)มาใส่สีผสมอาหารสีแดงและเหลือง กลายเป็นชาที่เห็นในปัจจุบัน
คนไทยส่วนใหญ่นิยมดื่มกันแบบเย็น ที่เราเรียกว่า ชาเย็น โดยนำใบชามาชงด้วยน้ำร้อน เติมน้ำตาลเข้มข้นหวานหน่อย และเหยาะนมจืดเข้าไป ทำให้รสชาติหวานมันละมุนขึ้น และกลมกล่อม ที่หอมกร่อนชา
ชาเย็นเป็นเมนูที่มีขายทั้งในร้านหรู รถเข็นริมทาง ร้านค้าตามห้างสรรพสินค้า และตามตลาดนัด คนที่ชื่นชอบจะดื่มกันอยู่ที่วันละ 1 – 2 แก้ว บางคนก็แล้วแต่ที่โอกาส
ขนาดของแก้วปกติทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 250 มิลิเมตร ทว่าในความหวานมันละมุนลิ้นของชาเย็นนั้น หลายท่านอาจไม่ตระหนักว่า ปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในชาเย็นที่เราดื่มทุกวันนั้น มีมากน้อยแค่ไหน
วันนี้สถาบันอาหารได้สุ่มเก็บตัวอย่างชาเย็นที่จำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 5 ตัวอย่าง เพื่อนำมาตรวจวิเคราะห์ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด(ได้แก่ ฟรักโทส กลูโคส ,ซูโครส ,มองโทส,แล็กโทส)ผลที่ได้ หากคำนวณโดยปริมาณพบว่าในชาเย็น 1 แก้ว (ขนาด 250 – 300 มิลลิลิตร)จะมีน้ำตาลทั้งหมดในปริมาณ 53.27 – 67.14 กรัม หรือประมาณ 13 – 16.79 ช้อนชา นี่ยังไม่รวมที่จะได้รับจากอาหารชนิดอื่นๆที่ทานอีก ปกติปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายควรได้รับต่อวันอยู่ในช่าง 6 – 8 ข้อนชา (ตามความเหมาะสมของอายุ)หรือในปริมาณ 24 / 32 กรัม/วัน
ฉะนั้น ท่านที่ดื่มชาเย็นวันละ 2 แก้ว หรือมากกว่า ถ้ายังถามว่าอ้วนได้อย่างไร เป็นเบาหวานได้อย่างไร เห็นจะหาสาเหตุได้ไม่ยาก
วันนี้ หากต้องการห่างไหลจากโรคอ้วน ความดัน เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ขอแนะนำว่าดื่มแต่พอดี อาจเพียงวันละแก้ว ตามความอยากและความชอบ เพื่อความแข็งแรงของสุขภาพที่ดี
ไม่มีความเห็น