พื้นฐานธรรมชาติจิตใจคน คือ รักสุข เกลียดทุกข์
ไม่อยากลำบาก ไฝ่หาความสุข
และเรามักถูกปลูกฝังให้ร่ำรวย
เพราะความรวยจะสกัดกั้นความลำบาก และซื้อความสุขได้
เมื่อก่อนผมก็คิดเช่นนั้นครับ ตามค่านิยมอันนี้
ไม่ใช่แค่คิด แต่เชื่อฝังหัวเลย
.
แต่เมื่อผ่านชีวิตมาเกินครึ่งคน
ทั้งประสบการณ์ส่วนตัวและการเห็นชีวิตผู้อื่น
มันสอนเราว่า ค่านิยมอันนี้ มันไม่จริง !
ความรวยไม่ใช่คำตอบครับ
.
ช่วงที่ผมมีเงินมากๆ ก็ใช่ว่าจะไม่ทุกข์
เงินซื้อความสุขได้ มันก็ไม่จริง
สิ่งที่เราเอาเงินแลกมา ไม่ว่าจะกิน เที่ยว รถ ข้าวของ
เป็นความสุขแบบลมๆ แล้งๆ
สุขแป้ปเดียว เดี๋ยวก็ลืมหมด
.
ส่วนชีวิตของเศรษฐี ที่ผมได้สัมผัส ก็ไม่ได้ราบรื่นทุกคนครับ
เบื้องหลังอาจจะเต็มไปด้วยความทุกข์ ความเครียด
กังวลห่วงทรัพย์สมบัติ ลูกเต้าเสียคน
จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากคนธรรมดาเท่าไหร่เลย
ยิ่งถ้ารวยแล้วยิ่งเห็นแก่ตัว นี่ยิ่งไปกันใหญ่
ผมจึงไม่เชื่อแล้วว่า ความรวยมันจะดีจริง
อยากจะพูดด้วยว่า ความเชื่อแบบนี้ ...มันบ้า !!
.
.
ผลสรุปรวบยอดความคิด ตลอดชีวิตผม
จึงลงความเห็นว่า...
ความสุขคือได้ทำในสิ่งที่รัก
และทำได้อย่างเหมาะสมกับชีวิต ไม่มากหรือน้อยไป
เมื่อทำสิ่งที่รัก ทำแต่พอดีๆ งานจะไม่เครียด
ไม่รวยก็มีความสุข
หรือรวยก็มีความสุขครับ
มีแล้วก็แบ่งปันผู้อื่นต่อ...
.
พอมีความสุขแล้วอยากแบ่งปัน นี่เป็นธรรมชาติครับ
คนมีความโลภนี่ทุกข์นะครับ เลยยิ่งต้องหาเติมลงไปอีก
รวยเท่าไหร่ก็ไม่พอ
.
เพราะฉะนั้น หาสิ่งที่รัก ให้พบครับ
อย่าตามกระแสค่านิยม
ชีวิตเราไม่ได้เกิดมาเพื่อจะทุกข์
ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะตะเกียกตะกายไฝ่หาความโลภ
แต่เราเกิดมาเพื่อ "ใช้ชีวิต" ให้มีความสุข
กับสิ่งที่เรารัก และคนที่เรารักครับ...