ความดี ไม่มีขาย


ความดี ไม่มีขาย

ดร. ถวิล  อรัญเวศ

รอง  ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4

            เมื่อพูดถึงความดีแล้ว บางคนก็คงจะนึกถึงเรื่องบุญ ความดี กับบุญ

            ความดี คืออะไร  บุญคืออะไร

            ความดีก็คือสิ่งที่ดีงาม ซึ่งแสดงออกมาจากทางกาย วาจา และใจ

            ความดีที่แสดงออกมาจากทางกาย เช่น จิตอาสาการทำกิจกรรมรักษา

ทรัพย์สมบัติของส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นศาลา ที่พักผ่อนหย่อนใจ การช่วยเหลือคนจมน้ำ

การช่วยเหลือคนได้รับอุบัติเหตุ เป็นต้น

           ความดีที่แสดงออกมาจากทางวาจา เช่น การพูดสมานประโยชน์ การพูดให้คน

เกิดความรักความสามัคคีของคนในชาติ การพูดจาด้วยถ้อยคำสุภาพกับเพื่อนร่วมงาน

และกับผู้มาติดต่องาน เป็นต้น

          ความดีที่แสดงออกมาทางใจ เช่น การแสดงมุทิตาจิต การแสดงความยินดีใน

ความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

         บุญ

          ก็คือสภาพธรรมที่ดีงาม

          บุญ คือสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำให้จิตใจใสสะอาด ปราศจากความเศร้าหมองขุ่นมัว ก้าวขึ้นสู่ภูมิที่ดี เกิดขึ้นจากการที่ใจสงบทำให้เลือก คิดเฉพาะสิ่งที่ดี ที่ถูก ที่ควร ที่เป็นประโยชน์ แล้วพูดดี ทำดี ตามที่คิดนั้น คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น "บุญ" แต่ก็สามารถรู้อาการของบุญ หรือผลของบุญได้ คือเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตใจชุ่มชื่นเป็นสุข เปรียบได้กับ "ไฟฟ้า" ซึ่งเรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้าโดยตรง แต่เราสามารถรับรู้อาการของไฟฟ้าได้

     ความดี..คือ…ความอ่อนน้อมทางกาย…

ความดี..คือ…ความอ่อนหวานทางวาจา…

ความดี..คือ…ความอ่อนโยนทางใจ…

ความดี..คือ…ความงดงามทั้งกาย วาจา และจิตใจ…

ความดี..คือ..คุณธรรมที่น้อมนำให้เราเป็นคนดี..(ความดีคู่กับคุณธรรม)..

ความดี..คือ..สภาพของความรู้สึกแสดงความปลาบปลื้มเป็นสุขให้กับผู้กระทำ..

ถ้าจะถามว่า..

ระหว่างความดีกับความชั่วอะไรจะทำได้ง่ายกว่ากัน ???

หลายต่อหลายเหตุผล…แล้วแต่เราจะตอบ..

แต่มีพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า..

>>>…ความดี…..คนดี…….ทำได้ง่าย

>>>…ความดี…..คนชั่ว…..ทำได้ยาก

>>>…ความชั่ว…คนดี…….ทำได้ยาก

>>>…ความชั่ว…คนชั่ว…..ทำได้ง่าย

ดังนั้นเราก็พอจะวัดคุณภาพความดีของเราได้ว่า…

เราจัดอยู่ในความดีประเภทใด..

 

เพราะฉะนั้นเครื่องวัดคุณธรรม คือ ความดีของเรา..

สามารถวัดได้จาก….เกรดแห่งคุณธรรม ๔ ระดับ คือ….

 

เกรด D เป็นการทำความดีเพื่อตนเอง..

– ไม่สนใจผู้อื่นว่าจะเป็นอย่างไร..

– คิดเห็นแต่ประโยชน์ตนเป็นหลัก..

– เป็นความดีระดับเบื้องต้น..คือ…(ดี)….ธรรมดา..

 

เกรด C เป็นการทำความดีเพื่อผู้อื่น

-โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ตนเองเลยสักนิด..

-แต่สนใจและคำนึงถึงการทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา..

-เป็นความดีระดับปานกลาง..คือ…(ดีมาก)…..

 

เกรด B เป็นการทำความดีเพื่อตนเองและผู้อื่น

-ประเภทนี้ก็ถือว่า..ยกระดับความดีควบคู่กัน คือ..

-ทำดีเพื่อตนแล้ว ยังทำเพื่อคนอื่น รวมถึงสังคมด้วย..

-เป็นความดีระดับสูง..คือ…(ดีที่สุด)…..

 

เกรด A เป็นการทำความดีที่ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น..

-เมื่อมีโอกาสก็ทำทันที ไม่ต้องเดี๋ยว ไม่ต้องรอ

-ถ้าเป็นเรื่องดี….คิดแล้วทำทันที…

-ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี…ต้องคิดแล้วคิดอีก..คิดเป็นร้อยครั้ง…พันครั้ง..

-จนลืมไปเลยว่า..เราคิดเรื่องไม่ดี…(ลืมความชั่ว..ทำแต่ดี..มีคุณจริง)…

-เป็นความดีระดับดีที่สูงกว่าที่สุด…จนหาประมาณมิได้..

(ดีแท้แน่นอน..ประเสริฐสุด..สุดยอด)…และไม่หยุดทำความดี..ทำดีตลอดเวลา..

 

เพราะฉะนั้น…

การที่เราวัดใครเป็นคนดี…มีคุณธรรม.. ก็วัดได้จาก ๔ เกรดดังที่กล่าวแล้ว…

เกรด  A…ดีที่สุดกว่าที่สุด…จนหาประมาณมิได้…ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

เกรด  B …ดีที่สุด…ทำเพื่อประโยชน์ของตน ของผู้อื่น และสังคม..

เกรด  C…ดีปานกลาง….ทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเป็นหลัก..

เกรด  D…ดีธรรมดา…เพราะทำเพื่อประโยชน์ตนโดยส่วนเดียว…

 

ดังบทกลอนที่ว่า…

อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก

ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ

อยากได้ดี ต้องทำดี อย่ารีรอ

ดีแต่ขอ รอแต่ดี ไม่ดีเลย

 

             สรรพสิ่งในโลกนี้ บางสิ่งก็สามารถซื้อขายกันได้ด้วยแก้วแหวนเงินทอง แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่เราไม่สามารถซื้อขายกันได้ ต้องทำเองเท่านั้น ครับ อาทิ เช่น

  • การทำความดี  เราจะได้รับความดี  เราต้องทำเอง หลักธรรม
  • การรับประทานอาหาร การที่เราจะรู้สึกว่าอิ่ม เราต้องกินเอง รับประทานเอง
  • การนอนหลับ การพักผ่อนที่ดีที่สุด ก็คือการที่เราได้นอนหลับสนิท เราต้อง
  •  ความรักทางใจ เป็นความรู้สึกที่ดีต่อกันอันเนื่องมาจากการรู้สึกประทับใจ

ทางพุทธศาสนา สอนไว้ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว” ฉะนั้น ถ้าเราอยากได้รับความดี  เบื้องต้น เราต้องทำเองก่อน เมื่อทำดีมาก ๆ เข้า อาจจะได้รับผลแห่งความดีจากที่คนอื่นหยิบยื่นให้ในฐานะเป็นคนดี

ในวิสัยของคนปกติ  กินแทนกันก็ไม่ได้ ใครกิน คนนั้นก็อิ่ม อิ่มแทนกันไม่ได้

นอนเอง หลับเอง  และการที่เราจะนอนหลับง่ายนั้น เราต้องตัดความวิตกกังวล  ไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน ไม่คิดอะไรมาก ทำสมาธิจิตคิดเพียงอารมณ์เดียวเวลานอน จากนั้น เราก็จะหลับได้โดยง่ายนะครับลองฝึกดู ฝึกบ่อยๆ จะเห็นเอง

อะไรกับใครสักอย่าง ซึ่งเราก็ไม่สามารถรักแทนกันได้ ซื้อขายกันได้ เพราะเป็นความรู้สึกทางใจนะครับ

 

ความดี ไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง

       แน่นอน ห้างสรรพสินค้าในเมืองไทย หรือในโลกนี้ เราคงไม่เห็นร้านที่จำหน่ายความดี  อาจจะมีเพียงร้านที่แนะนำความดีให้กันได้ว่าในฐานะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ คนที่มีจิตใจสูงส่ง เราควรทำความดี  “ทำความดีต่อมวลมิตร  ดีกว่าไม่มีไมตรีจิตเอาเสียเลย” นะครับ

      การทำความดี  เป็นเรื่องยาก  บางครั้งก็เป็นเรื่องฝืนใจจึงจะสามารถทำได้ เพราะ

“ฝืนใจ  ได้กำไร ตามใจมักขาดทุน” ฉะนั้น การทำความดีเป็นเรื่องการทำอะไรต่าง ๆ ทำได้ยาก ต้องฝึกทำวันละนิดวันละหน่อยก็จะชินไปเองนะครับ   

     สำหรับหลักการทำความดีเพื่อจะได้รับอานิสงส์แห่งผลการทำความดีแรงกล้านั้น หลักธรรมทางศาสนา ได้สอนไว้ว่า

  • ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์
  • ทำถูกคน ถ้าเราทำความดีกับโจร คนไม่บริสุทธิ์อาจจะได้บุญน้อยกว่าทำกับ
  • ทำถูกกาลเวลา บางคนบอกว่า ทำความดี จะได้รับผลชาติหน้า แต่ถ้าเสนอ
  • ทำโดยไม่หวังผลอะไร ทำความดีเพื่อความดี  การทำความดีเพราะถูกบังคับ
  • ทำความดี ทำเวลาไหน ก็ได้ ไม่มีฤกษ์ยาม  ไม่มีฤดูเหมือนกับการปลูกพืช

การทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทนอะไรบางอย่างบางครั้งอาจได้รับทุกข์

อย่างที่เรียกกันว่า “ทำดีเอาหน้า”เงินไม่ค่อยมีแต่อยากได้หน้า กู้เงินมาทำบุญ ก็ไม่ควรทำ เพราะมีแต่จะทุกข์ตามมา หรือจะทำอะไรสักอย่าง ต้องถามว่า จะได้อะไร การที่เราทำอะไร โดยไม่หวังผลอะไร  บางที่เราอาจจะได้อะไรบางอย่างกลับมาก็ได้ที่เรียนกันว่า

“ได้รับอานิสงส์แห่งผลคุณงามความดี”

พระสงฆ์ที่มีศีลบริสุทธิ์ ทำกับพระอริยะสงฆ์ อาจจะมีผลมากกว่าทำบุญกับพระสงฆ์ธรรมดา  หรือการถวายทานเป็นสงฆ์ อาจจะได้รับผลบุญมากกว่าทำกับพระสงฆ์รูปเดียว เป็นต้น

หน้า จะได้รับผลชาตินี้นั้น คือการทำความดีบางครั้ง ก็ต้องถูกกาลเวลา จะมีอานิสงส์แรงกล้าเพราะตามพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าท่านจะโปรดใคร ต้องดูอุปนิสัยคนนั้นก่อน

หรือแนะนำให้เขาเข้าใจก่อน ค่อยสอนเขา เขาจึงจะเข้าใจ เช่นเดียวกับครูจะสอนนักเรียนให้ได้ผล ต้องดูวุฒิภาวะความพร้อมของนักเรียนก่อน ค่อยสอนจึงจะได้รับผลดี

สอบก่อนสอน ระหว่างสอนก็วัดผลไปดูความก้าวหน้า สุดท้ายก็วัดผลดูความสำเร็จใน

วิธีสอนของเรา

ให้ทำ เหมือนกับเปรต อสุรกายที่กำลังถูกยมบาลจะลงโทษ ก็กลัว  ร้องว่า ข้าฯจะไม่ทำชั่วอีกแล้ว ข้าฯจะไม่ทำอีกแล้วความชั่ว ข้าฯจะตั้งใจทำความดีต่อไป

บางชนิด  เพราะฉะนั้น ทำความดีตอนไหน ก็เป็นความดีตอนนั้น  การทำความดี เป็น อกาลิโก  ไม่มีฤกษ์มียาม นะครับ

 

บทสรุป

        ความดี ไม่มีขาย  ไม่เหมือนกับสินค้าทั่วไป อยากได้ต้องทำเอง ดังภาษิตที่ว่า

“หว่านพืชเช่นใด ก็จะได้รับพืชเช่นนั้น  ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว” จงทำดี มีศีลธรรม  ถือความสัตย์ ฝึกหัดทำความดีวันละนิด จิตใจจะเบิกบาน ฝืนใจ ได้กำไร ตามใจ ขาดทุน เพราะการทำความดีทำได้ยาก ทำชั่ว ทำได้ง่าย แต่ถ้าเราฝึกทำบ่อย ๆ ก็จะชินไปเอง คนเรา ควรทำความดีต่อกันและกันเอาไว้ จะได้พบแต่สิ่งดี ๆ ในสังคมสมกับที่ว่า

“ความดีไม่มีขาย อยากได้ ต้องทำเอง”ยิ้มให้ จะได้รับรอยยิ้มตอบ  ขอบคุณครับ

 

 

 

 

-------------- 

 

 

 

 

 

แหล่งข้อมูล

https://goo.gl/w7xVoC

http://www.dhammahome.com/audio/topic/8687

https://goo.gl/QkyZgL

https://goo.gl/w7xVoC

คำสำคัญ (Tags): #ความดี
หมายเลขบันทึก: 646323เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2018 11:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน 2018 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท