วันนี้ไม่โหนประวัติศาสตร์นะครับ มาชวนคุยเรื่องขำๆ ที่ไม่ขำครับ ไม่ได้หยาบคายอะไรนะครับ วันนี้มาคุยกันเรื่องตด เรื่องธรรมชาติที่เราทุกคนต้องมี เพราะเราทุกคนทานข้าวพอร่างกายเผาผลาญอาหาร ก็เหลือกากแล้วกากก็หมักหมมในลำไส้จนกลายเป็น ก๊าซมีเทน...
อันนี้แหละครับที่ไม่ขำ เพราะในบรรดาก๊าซที่ทำให้เกิดปัญหาสภาพเรือนกระจกGreen House effect ก๊าซมีเทน เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สภาพปัญหารุนแรงขึ้น โดยคิดเปนสัดส่วน ๑๖เปอร์เซนต์ ของก๊าซที่ก่อปัญหาเรือนกระจกทั้งหมดที่ปล่อยมาในปี ๒๐๑๕
อ้าว แล้วแบบนี้จะให้เรากลั้นตดกันเหรอ.... เปล่าครับ ผู้เขียน ไม่ได้หมายวามว่าอย่างนั้น ถ้ากลั้นตดกันจริงๆ คงอึดอัดแย่เลย ผมกำลังจะเล่าให้ฟังว่า
๑. ตดนั้นเป็นภาวะปกติของมนุษย์ และสัตว์ครับ เราคงห้ามมนุษย์หรือสัตว์ไม่ให้ตดไม่ได้ แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันคนเรานิยมบริโภคเนื้อกันมากขึ้น มีการเก็บสถิติและคำนวนมาว่า ปัจจุบัน เฉพาะวัว ๑๕๐๐ล้านตัวทั่วโลก ปล่อยตด หรือก๊าซมีเทน ๗๐๐๐ล้านเมตริกตันต่อปีครับ ดังนั้น ถ้าเราลดการบริโภคเนื้อสัตว์แต่หันมาทานโปรตีนจากธัญพืชกัน ก็จะช่วยลดปัญหาก๊าซเรือนกระจกได้ทางหนึ่งครับ
๒. มีการพบว่า สาหร่ายทะเลที่มีมากและไร้ค่าบางชนิดสามารถเอามาเปนอาหารปศุสัตว์ และช่วยลดก๊าซมีเทนที่ถูกปล่อยออกมาจากปศุสัตว์ได้ครับ ดังนั้นเมืองไทยเราน่าจะมีการศึกษาปัญหาเรื่องนี้บ้าง
๓. ปัจจุบันมีสูตรอาหารทดแทนเนื้อสัตว์ที่ทำจากธัญพืชที่อร่อยมากมาย แต่ที่สำคัญเวลาเรานำมาปรุงอาหารต้องลองดูก่อนนะครับว่ามันปลอดภัยไหม มีสารตกค้างไหม เป็นพืชตัดต่อพันธุกรรมไหม
วันนี้ขอสั้นๆ แค่นี้แหละครับ
Reference
https://www.facebook.com/David...
https://www.theguardian.com/en...
ภาพประกอบตอนท้ายนี่ร้อนแรงมากค่ะ