อดจนอ้วน


ความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพดีกับหุ่นดีคือ ถ้าสุขภาพดีแล้ว หุ่นดีๆก็จะตามมาเอง แต่การดูแลสุขภาพให้ดีจนได้หุ่นดีๆเป็นของแถมนั้น ค่อนข้างใช้เวลาค่ะ เราๆส่วนใหญ่เลยมักไปทางลัด อยากได้หุ่นดีกันโดยลืมนึกถึงสุขภาพ

ถ้าคุณหุ่นไม่ดีแล้วเลือกการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร เช่น อดอาหารเย็น เคยสงสัยไหมคะ ว่าทำไมตอนเริ่มการอดใหม่ๆน้ำหนักก็ลดลง แต่ต่อมาทำอย่างไรก็ไม่ยอมลด แถมบางทีกลับจะยิ่งอ้วนขึ้นเสียด้วยซ้ำ จนกลายเป็นยิ่งอดยิ่งอ้วน

ที่เป็นอย่างนี้เพราะระบบเผาผลาญของเราพังนั่นเองค่ะ

เป็นธรรมดานะคะที่เมื่อเราลดการรับพลังงานขาเข้าลงให้มากกว่าขาออกหรือก็คือที่ร่างกายต้องการใช้ น้ำหนักเราก็จะลดลง ซึ่งส่วนต่างของพลังงานทั้งเข้าและออกนี้ควรอยู่ที่ประมาณ 500 แคลอรี่ / วัน โดยที่ไม่ให้พลังงานที่ได้รับต่ำกว่า BMR และร่างกายยังคงได้รับสารอาหารครบตามที่ควรจะได้ สัดส่วนเราก็จะค่อยๆลดโดยไม่มีผลข้างเคียง

แต่หากเราลดพลังงานมากเกินไปโดยไม่ดูว่าในแต่ละวันเราควรได้พลังงานวันละเท่าไหร่ ในระยะแรกๆ น้ำหนักและสัดส่วนเราก็ลดจริงๆค่ะ ก็ธรรมดานะคะ ก็เราขาดทุนแคลอรี่คือรับน้อยกว่าใช้ น้ำหนักก็ต้องลดอยู่ดี

แต่ต่อมาร่างกายเราจะเครียด กลัวตาย จึงปรับเข้าสู่โหมดการประหยัดพลังงาน ปรับระดับการเผาผลาญให้ต่ำลงให้เท่ากับที่เราทานเข้าไป

หนักๆเข้า ร่างกายทนไม่ไหว ก็จะสั่งให้เราอยากกินทุกอย่าง และเมื่อเรากินโดยที่ระดับการเผาผลาญต่ำลงมาก ก็กลายเป็นว่ากินเท่าไหร่ก็เก็บหมด เราก็อ้วนมากขึ้นกว่าเดิม ดังที่เรียกว่า โยโย่

แต่ถ้าเรายังดึงดันอดหรือลดอาหารต่อไป ร่างกายจะเกิดการต่อต้านการเผาผลาญ ( Metabolic Resistance) ทำให้เรามีอาการคล้ายๆ Overtraining คือเหนื่อยลึกๆ เพลีย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ภูมิต้านทานลดจนป่วยง่าย 

บางคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้วก็ออกให้หนักขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่า ทานน้อยลงก็แล้ว ฝึกหนักขึ้นก็แล้ว แต่น้ำหนักกลับไม่ยอมลด ก็ยิ่งทานน้อยลงไปอีก ฝึกหนักขึ้นไปอีก  

และในที่สุด ระบบการเผาผลาญก็จะพัง( Metabolic Damage) ระบบต่างๆในร่างกายจะรวนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของฮอร์โมน ระบบประสาท การย่อยและดูดซึม แถมเรายังนอนหลับไม่ลึกแม้ว่าจะเหนื่อย หดหู่ เพลีย อ่อนแอ มีอาการแพ้สิ่งที่ไม่เคยแพ้ได้

ถึงตอนนี้แม้จะทานน้อย น้ำหนักก็ไม่ลดแถมบางทีกลับจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย  

ดังนั้นถ้าอยากหุ่นดี ต้องใส่ใจที่พฤติกรรมการทาน การมีกิจกรรมทางกาย การพักผ่อน และการฝึกใจให้เข้าใจตนเอง เข้าใจคนอื่น เข้าใจสถานการณ์ก่อนนะคะ

ถ้าทำได้ หุ่นดีๆก็จะตามมาเอง

แล้วถ้าเราทำตัวเองให้ระบบการเผาผลาญพังไปแล้ว จะแก้ไขอย่างไร

ทุกอย่างแก้ไขได้ค่ะ การแก้ไขระบบการเผาผลาญก็เช่นกัน ค่อยๆแก้ไขไป 3 – 15 เดือน ก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ใหม่

โดยการทานอาหารที่ให้โปรตีนและไฟเบอร์ให้มากขึ้น และเนื่องจากระบบการดูดซึมสารอาหารพังไปด้วย จึงควรเสริมแร่ธาตุจำพวก Zinc, Magnesium, วิตามินต่างๆโดยเฉพาะวิตามิน D และ B รวมไปถึงโอเมก้าต่างๆ

มีการฝึกการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านหรือที่เราๆเรียกกันว่าเล่นเวทนั่นแหละค่ะร่วมด้วย อาจจะออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอบ้างแต่ไม่ควรมากเกินไป และควรมีการยืดเหยียดหรือฝึกโยคะด้วย เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย

พอกลับมาสู่ความสมดุลแล้ว หากต้องการลดน้ำหนักอีกที ก็ทำได้ค่ะ แต่คราวนี้ประสบการณ์คงบอกเราได้ ว่าเราต้องใช้การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีเท่านั้น


หมายเลขบันทึก: 644551เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2018 15:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2018 21:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท