แรงงานที่มีความเสี่ยง: การทำงานที่ไม่มั่นคง คาดการณ์อะไรไม่ได้ และความเสี่ยงนอกเหนือชีวิตเรา

จาก Sociology of Work: An Encyclopedia, Vicki Smith (Ed.) ในหัวข้อ "Precarious Labour" หรือการทำงานที่ไม่มั่นคง คาดการณ์อะไรไม่ได้ และเสี่ยงกับอะไรหลาย ๆ อย่างนอกเหนือจากชีวิตเรา

"Christine Monnier" แนะนำว่าถ้าจะศึกษาหัวข้อนี้ คุณต้องไปอ่านงานเขียนของ (1) Arne Kalleberg นักสังคมวิทยา ชื่องานเขียนคือ Good Jobs, Bad Jobs อีกงานคือ Precarious Work, Insecure Workers และ (2) Guy Standing นักเศรษฐศาสตร์ ชื่องานเขียนคือ Work After Globalization

Monnier ให้คำจำกัดความคำว่า "Precariat" คือ งานที่ขาดความมั่นคงทางสังคม ทั้งในแง่ของการมีงานทำ โอกาสที่ยกระดับสถานะทางสังคม ความปลอดภัยในการทำงาน การพัฒนาทักษะ รายได้ที่มั่นคง และสิทธิการรวมตัวและเจรจาต่อรอง

สาเหตุที่ทำให้ Precarious Labour เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ Monnier ชี้ว่ามาจากตำแหน่งงานที่มีความหลากหลายจึงทำให้รูปแบบการจ้างงานต้องปรับตัวให้ยืดหยุ่นตามกำลังแรงงานโลก นอกจากนี้เขายังเห็นว่าเสรีนิยมใหม่และโลกาภิวัตน์เป็นปัจจัยหลักที่ครอบงำและทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้ Precarious Labour ยังทำให้ระเบียบแบบแผนดั้งเดิมของการทำงานเปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงจากเดิมที่ทำงานรับใช้ในบ้านหรือรับงานไปทำที่บ้านก็ถูกผลักออกมาให้ทำงานในสถานที่ทำงานเช่นเดียวกับผู้ชาย แต่กลับต้องประสบปัญหาค่าจ้างไม่เป็นธรรม ขาดโอกาสการรวมกลุ่ม และเลือกปฏิบัติกรณีอื่น ๆ และอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้วยก็คือเยาวชน ที่สำคัญการศึกษาภายใต้เสรีนิยมใหม่ อีกด้านหนึ่งก็เป็นกับดักหนี้สินและกับดับรายได้ต่ำ

สำหรับภาคธุรกิจได้รับอิทธิพลของ Corporate Governance สืบเนื่องให้เกิดการปฏิรูประบบบำนาญและกำไรที่มองในระยะสั้น อันเป็นโครงสร้างช่วงปลายของระบบทุนนิยมจนเป็นข้อสังเกตที่เกิดขึ้นภายหลังปี 2008 หรือความล้มเหลวของระบบการเงิน ที่สำคัญชีวิตของคนทำงานต้องเผชิญกับ "การจัดการชีวิตตนเอง" และหันมาแบกรับความเสี่ยงโดยระบบประกันสุขภาพของภาคเอกชน รวมไปถึงการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะที่รัฐผลักมาให้ภาคเอกชนต้องรับผิดชอบแทน

ส่วน Social Safety Nets ก็ดูเหมือนจะได้รับความสำคัญมากขึ้นเพราะใช้ช่วยเหลือทางสังคมรายบุคคล ในส่วนท้ายเขาพยายามยกอ้างถึงข้อเสนอแนะของ Kalleberg โดยสรุปคือการสร้างความมั่นคงทางสังคมในรูปแบบใหม่ให้รองรับกับความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานและภาครัฐก็ควรมีบทบาทนี้ สำหรับ Standing เน้นนโยบายที่จัดเตรียมรายได้ขั้นต่ำเพื่อฟื้นฟูสภาพที่ไม่มั่นคง

นอกจากนี้ Monnier ยังสนับสนุนข้อเสนอของ Kalleberg และ Standing โดยเห็นว่า Precarious Labour เป็นความสำเร็จของเสรีนิยมใหม่บนซากปรักหักพังของขบวนการแรงงานดั้งเดิม ฉะนั้นเขาจึงสนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวของขบวนการทางสังคม (New Social Movement: NSM) ในรูปแบบใหม่ทั้งในระดับโลก ประเทศ และท้องถิ่น