ตามความเข้าใจในตัวเองและดินน้ำลมไฟ จะไม่มีสิ่งใดใดเกิดขึ้น(ว่าง ไร้ตัวตน) หากไม่มีปัจจัยองค์ประกอบ ปรุงแต่ง รวม ผสม เข้าด้วยกัน(อิงอาศัย) เช่น จะไม่มีสิ่งที่สมมุติเรียกว่าอะตอม หากไม่มี นิวเคลียส และอิเล็กตรอนเป็นองค์ประกอบ แล้วทุกสิ่งก็เห็นโทนโท่มีตัวมีตนกันทั้งนั้นแล้วจะเป็นไปได้อย่างไร ว่าไม่มีตัวตนคนคือพุทธะพระเจ้าหละ ถ้าคนตายลงไปคงเป็นที่เข้าใจง่ายว่า ว่าง ไร้ตัวตน ที่เห็นว่าเป็นตัวตน นั้นเป็นสภาวะเดิมหรือสภาพใหม่หละ
อะตอม ที่เป็นองค์ประกอบของคน มีอิเล็กตรอนวิ่งวนรอบนิวเคลียส จุดที่อิเล็กตรอนวิ่งผ่านมา กับจุดที่อิเล็กตรอนอยู่ปัจจุบัน ก็ทำให้เกิดความไม่เหมือนอย่างน้อยก็คือ จุดตำแหน่ง คุณลักษณะ คือเปลี่ยนไปทุกขณะจะจากปัจจัยใดก็สุดคาดเดา เมื่ออะตอมเปลี่ยน ก็ทำให้ทุกส่วนที่อะตอมเป็นองค์ประกอบเปลี่ยนด้วย
เดิมที เมื่อสององค์ประกอบหรือมากกว่านั้นมารวมกันเข้าคือสเปอร์มจากพ่อและไข่ของแม่ จึงเกิดขั้นตอนกระบวนการสร้างคนขึ้น จนได้เวลาก็คลอดเป็นตัวคนแล้วเติบโต ถ้าไม่เติบโตก็อยู่แค่นั้น คือเนื่องจากมีการพัฒนาคนจึงเติบโตไปเรื่อยๆ ตัวเก่าเปลี่ยนไปเป็นตัวใหม่มา มีระบบอวัยวะ อวัยวะ เนื้อเยื่อ เซล โมเลกุล เส้นประสาทรับรู้สั่งการ ด้วยอะตอมทั้งหลาย มีคุณลักษณะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างตัวตนใหม่ไปเรื่อย หรือด้วยเกิดจากการที่มีองค์ประกอบเข้าด้วยกัน หายใจเข้าและออก ก็แสดงออกถึงความไร้ตัวตน ลมหายใจใหม่แทนที่ลมหายใจเก่าแม้แต่ความคิดที่เปลี่ยนไปความคิดเก่าถูกแทนที่ด้วยความคิดใหม่ก็เช่นเดียวกัน แม้แต่การไหลเวียนของเลือดความหมายก็เช่นกัน เป็นต้น ซึ่งนั่นคือความไม่มีตัวตนหรือว่าง
จิตใจร่างกายมีภาคกิริยารับรู้ กิริยาคิดจำ คาดคำนึงคำนวณและกิริยาแสดงตอบสนอง ซึ่งทั้งหมด เปลี่ยนกลายทุกขณะจิต เห็นภาพจิตก็เปลี่ยนเป็นรับรู้ภาพ ได้ยินเสียงก็รับรู้ว่าเป็นเสียง ร่างกายสัมผัสสิ่งไหนก็รับรู้เป็นสิ่งนั้น รับรู้รู้สึกจำได้กับความทรงจำก็ทรงตัวอยู่กับความจำนั้นด้วยความรวดเร็ว ถ้าเห็นหรือรู้สึกภาวะที่เกิดในจิตใจ รู้ทันได้ก็เห็นสภาพไร้ตัวตน
สรรพสิ่งคือดินน้ำลมไฟ เหตุการณ์ต่างๆที่ธรรมชาติสร้างแสดงออกอยู่ซึ่งความเปลี่ยนการกลายอยู่ทุกขณะตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ เพราะทุกสิ่งเป็นไปเป็นมาจากสภาพสภาวะท่วงทำนองเดียวกัน ทั้งหลายมีแต่การเปลี่ยนกลายเท่านั้น เป็นอยู่อย่างนั้น อันคือ สภาวะถาวร อมตะ อนันต์ นิรันดร ว่าง ไร้ตัวตน อิงอาศัย พุทธะพระเจ้า
ไม่มีความเห็น